22 ม.ค.2564 กลุ่ม“ราษฎร” ได้เดินทางมาชุมนุมหน้ากระทรวงการคลัง โดยทางกระทรวงการคลังได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ตรวจสอบการเข้าออกกระทรวงอย่างเข้มงวด โดยให้รถเข้ามาที่กระทรวงได้เพียงประตู 4 และออกทางฝั่งประตู 1 เท่านั้น ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 40 นาย เข้ามาดูแลพื้นที่ เพื่อมาควบคุมการชุมนุมและป้องกันการเกิดความรุนแรง และตำรวจจากหน่วยต่างๆ รวมเป็น 100 ราย
และเมื่อเวลา 13.00 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก(ไมค์) แกนนำม็อบคณะราษฎร พร้อมมวลชนที่มาร่วมม็อบ ได้พยายามเข้ามาในกระทรวงการคลังแต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูไว้ นายภาณุพงศ์ จึงได้อ่านจดหมายเปิดผนึกจาก “ราษฎร” ถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หน้าประตู 4 กระทรวงคลัง
เรื่องขอให้ลดงบสถาบันกษัตริย์ จำนวน 37,228 ล้านบาท และงบกองทัพ 223,467 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉิน หรือดำเนินมาตรการเยียวยาประชาชนจากโควิด-19 ระลอกสอง ก่อนจะขอเข้าไปยังกระทรวงการคลังเพื่อยื่นหนังสือถึงรมว.คลัง แต่ตำรวจได้นำโซ่มาคล้องไว้ไม่ให้นายภาณุพงศ์เข้า ในเวลาต่อมา กระทรวงการคลังได้ส่ง น.ส.เฉลิมรัตน์ อิ่มนุกูลกิจ ผู้อำนวยการส่วนบริหารการพัสดุ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาเป็นผู้รับหนังสือแทน
นายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำม็อบราษฎร ได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ เรียกร้องเยียวยาโควิดแก่ประชาชน ได้แก่
1. เยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้าเท่าเทียม โดยให้รัฐเยียวยาประชาชนผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปด้วยเงินรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า เดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยมาตรการดังกล่าวจะใช้งบประมาณราว 525,00 ล้านบาท หกตัดลดและโยกย้ายงบที่ไม่จำเป็นข้างต้นรวมกับงบประมาณที่คงเหลือจาก พ.ร.ก.ให้ อำนาจกระทรงการคลังกู้เงิน ฯ ก็จะมีงบประมาณพียงพอเยียวยาประชาชนได้อย่างถ้วนหน้า
2. นำเข้าและกระจายวัคซีนโควิด-19 แก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และทันท่วงที และเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของโรคและเสริมสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
3.ลดหรือช่วยอุดหนุนค่าครองชีพของประชาชน ทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าประปา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโดยสาร อย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือน และสำหรับนักเรียน นักศึกษาจะต้องมีการลดค่าเล่าเรียนพร้อมทั้งช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ด้วย
พร้อมได้กล่าวว่า “ผมให้เวลา 1 สัปดาห์ จนถึงวันศุกร์หน้า(29ม.ค.2564) เท่านั้น ถ้าไม่ได้รับการตอบรับจะยกทัพกลับมาอีกครั้งแบบเบิ้มๆ อย่าทำเหมือนพวกเราเป็นขอทาน แต่ควรให้เงินเยียวยาอย่างทั่วถึง เพราะปัญหาของประชาชนรัฐต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด และประชาชนต้องการเงินเยียวยาเพื่อซื้อของอุปโภคบริโภค”
ส่วนตัวแทนเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และองค์ภาคี กล่าวว่า อยากจะให้สำนักงานประกันสังคม เยียวยาโควิดรอบ 2 ด้วยการจ่ายเงินสด 5,000 บาท จำนวน 3เดือน รวมเป็น 15,000 บาท เพราะรอบแรกก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ แต่ถูกปัดไปใช้เงินของลูกจ้างเองที่สมทบไว้กับกองทุนประกันสังคม ซึ่งหลายบริษัทโยนภาระให้ลูกจ้างไปใช้เงินทดแทนว่างงาน 62% ซึ่งควรจ่าย 75% ตามมาตรา 75 ของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และรัฐควรจ่ายเงินช่วยเหลือให้ครบ 100% แต่ก็ไม่ทำ