วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกบทความ-ความเห็นคำสาปพระเจ้าชัยวรมันสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง เขมรสอบผ่านทุกข้อไปสู่ความพินาศสูญสิ้น..... โดย โรม บุนนาค

คำสาปพระเจ้าชัยวรมันสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง เขมรสอบผ่านทุกข้อไปสู่ความพินาศสูญสิ้น….. โดย โรม บุนนาค

เผยแพร่

spot_img

เมื่อเขมรถล่มปืนใหญ่ใส่ไทยเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ อย่างที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย และเป้าหมายก็ไม่ใช่ที่ตั้งกองทหาร แต่เป็นที่อยู่ของประชาชนซึ่งมีทั้งลูกเล็กเด็กแดง แบบไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนอย่างไม่มีที่ไหนในโลกเถื่อนได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่ความเข้มแข็งของกองทัพก็ห่างกันอย่างมวยเวทีกับมวยวัด จึงทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง ผลก็คือทหารเขมรตายเป็นเบือจนเก็บศพไม่หมด ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด อาวุธและคลังอาวุธถูกทำลายย่อยยับ ทำให้หลายคนนึกถึงคำสาปของพระเจ้าชัยวรมันผู้สร้างปราสาทหินทั้งหลาย และผู้สถาปนาความยิ่งใหญ่ให้อาณาจักรขอม

ในปี พ.ศ.๑๕๖๓ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๑ ได้จารึกเรื่องราวในยุคสมัยของพระองค์ไว้ในแผ่นหินหลายแผ่น แผ่นหนึ่งเป็นคำสาปแช่งผู้ที่คิดร้ายต่อลูกหลานของพระองค์ จารึกนี้ถูกพบที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสุรินทร์

ข้อความในจารึกนี้มีอยู่ ๗ ข้อ มีความหมายว่า

๑. ผู้ถูกสาปจะถูกทำลายสูญสิ้นด้วยลูกหลานของวรมัน

๒. ผู้ถูกสาปจะอยู่ใต้การปกครองของผู้อื่นเสมอ

๓. ผู้ถูกสาปจะเข่นฆ่าล้างผลาญกันเองตราบชั่วลูกชั่วหลาน

๔. ผู้ถูกสาปจะต้องเป็นทาสของผู้อื่นตลอดไป

๕. ผู้ถูกสาปจะต้องเผชิญกับหายนะและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

๖. ลูกหลานของผู้ถูกสาปจะไม่มีวันรบชนะลูกหลานของชัยวรมัน

๗. ผู้ถูกสาปจะล้าหลัง ไร้ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญา

คำสาปนี้ได้เริ่มออกฤทธิ์เมื่อ ตาแตงหวาน ชาวบ้านหรือทาสคนหนึ่งได้ปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ ๙ แล้วขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทศรีสุริโยพันธ์ ต้นราชวงศ์ตาแตงหวาน เขมรก็ไม่มีความสงบสุขมาตลอด เข่นฆ่ากันเองจนมาถึงถึงปัจจุบัน และทำได้เกือบครบทุกข้อแล้ว โดยเฉพาะในสมัยตระกูลฮุน ถือได้ว่าสอบผ่านที่จะต้องสูญสิ้นไปในไม่ช้า

ส่วน AI ได้ข้อมูลที่แตกต่างไปจากนี้ว่า

คำสาปเขมร หรือ “คำสาปแห่งพระเจ้าอยู่หัว” เป็นตำนานที่มีชื่อเสียงในกัมพูชา โดยกล่าวถึงคำสาปที่มีผลกระทบต่อชะตากรรมของประเทศและประชาชนเขมรมาอย่างยาวนาน

ตำนานนี้เกี่ยวข้องกับกษัตริย์เขมรในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ และพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ผู้สร้างปราสาทนครวัด โดยเชื่อกันว่าคำสาปนี้เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม หรือการละเมิดคำสั่งของพระหรือเทพเจ้า

ตำนานนี้เล่าว่าพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ได้สร้างปราสาทนครวัดเพื่ออุทิศให้กับพระวิษณุ แต่ด้วยความทะนงตนและความไม่เคารพต่อพระหรือเทพเจ้า ทำให้เกิดคำสาปที่มีผลกระทบต่อชะตากรรมของประเทศเขมรมาอย่างยาวนาน ทำให้ประเทศประสบกับสงคราม ความอดอยาก และความวุ่นวายต่างๆ นานา เช่น

๑. การเสื่อมถอยของจักรวรรดิเขมร: หลังจากยุคของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ จักรวรรดิเขมรเริ่มเสื่อมถอยและสูญเสียอำนาจ

๒. สงครามและความขัดแย้ง: ประเทศเขมรประสบกับสงครามและความขัดแย้งภายในและภายนอกมาอย่างยาวนาน

๓. ความอดอยากและความยากจน: ประชาชนเขมรประสบกับความอดอยากและความยากจน ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบาก

ตำนานนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานและเชื่อถือในหมู่ประชาชนเขมรมาอย่างยาวนาน และยังเชื่อว่าประเทศเขมรยังคงอยู่ภายใต้คำสาปนี้จนถึงปัจจุบัน

แต่คนเขมรปัจจุบันมีความเชื่อในการแก้ไขให้หลุดพ้นจากคำสาปวรมันนี้ได้ โดยการทำพิธีกรรมทางศาสนา การบูชาเทพเจ้า หรือการสร้างความดีงาม จะสามารถช่วยล้างคำสาปได้ 

แต่คนเขมรถนัดแต่การบูชาเทพเจ้า จึงมีการทำพิธีถอนคำสาปวรมันเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ มีคน ๘ คนแต่งชุดดำ ถือเป็นตัวแทนมาจาก ๘ ทิศ ทำพิธีขึงขังขึ้นที่กลางปราสาทนครวัด แต่แทนที่คำสาปวรมันจะถูกถอน กลับเกิดปรากฏการณ์ที่เหมือนคำสาปแช่งสำทับมาอีก โดยหลังจากนั้นเพียง ๓ วัน คือในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ได้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ปราสาทนครวัด ทำให้นักท่องเที่ยว ๓ คนถึงตาย ซึ่งทั้งหมดเป็นคนเขมร และอีกกว่า ๓๐ คนบาดเจ็บ 

นี่ถ้าคนเขมรที่ตาย ๓ คนนั้นชื่อว่า ฮุน เซน ฮุนมาเนต และมาลี โสเจียตา ก็คงสะใจคนไทยไปตามๆกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งเขมรเผาสถานทูตไทยที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๖ บ้านตัวเองกลับวอดมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ยังไม่เข็ด ถล่มไทยด้วยปืนใหญ่ โดยเล็งเป้าไปที่บ้านเรือนประชาชน แต่ก็ทำให้จำนวนชาวบ้านตายต่างกับที่ทหารเขมรตายเมื่อไทยโต้ตอบอย่างเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ทั่วโลกเห็นว่าเขมรไร้วัฒนธรรมที่จะเข้าร่วมสังคมโลกกับเขาได้ เกือบทุกประเทศจึงรังเกียจที่จะคบหาสมาคมกับเขมร มีเพียงประเทศที่ต้องการผลประโยชน์กับเขมรเท่านั้นที่จะเข้าไปตั้งฐานทัพล้อมจีน ฮุน เซ็น ก็รู้ตัวดีว่าอยู่ไม่ได้แล้ว จึงต้องการหาคนมาอุ้มคุ้มครอง แบบนี้เขมรก็คงต้องเป็นเหมือนยูเครน แต่จะรู้ผลเร็วกว่ายูเครนมาก ส่วนประเทศไทยที่ถูกถล่มกลับได้รับการสรรเสริญไปทั่ว ว่าทหารของเรารบกับคนเถื่อนอย่างมีระเบียบวินัย เคารพกติกาของสังคมโลก และทำไปตามความจำเป็นเท่านั้น เขมรจึงต้องวอดไปอีกครั้ง

แม้จะทำข้อตกลงกันกี่ครั้งก็ตาม ก็อย่าหวังว่าไทยเราจะอยู่อย่างสงบสุขได้ เขมรยังหาวิธีก่อกวนทุกวิธีทาง แต่ก็โปรดอุ่นใจได้ที่ทหารของเราเข้มแข็ง พร้อมจะเป็นรั้วเหล็กของประเทศให้ประชาชนนอนตาหลับ

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็คงต้องอยู่ในบรรยากาศนี้ไปจนกระทั่ง เขมรต้องตกเป็นทาส หรือตกอยู่ในปกครองของชาติอื่น ตามคำสาป.

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

คุณอาจอยู่ถึงร้อยปี แต่เงินคุณจะอยู่ถึงไหม

The Longevity Paradox: เมื่อคนอยู่ได้นานกว่าเงินที่ตัวเองวางแผนไว้ วันนั้นฉันนั่งประชุมกับลูกค้าคู่สามีภรรยาวัย 75 ปี เขาหันมาพูดกับฉันว่า “Annabel ตอนเราวางแผนเกษียณ เราคิดว่าจะอยู่ถึง 85 ก็เยอะแล้ว” ฉันยิ้มแล้วถามกลับว่า “แล้วตอนนี้คิดว่ายังไงคะ?” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบว่า “หมอบอกเราน่าจะอยู่ถึงร้อย…” แล้วเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดช้า...