วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกการเมืองเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ คำสั่งบังคับโทษคดี “ทักษิณ” จุดเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมไทย ช่องโหว่ฝ่ายบริหารสู่บรรทัดฐานใหม่ทางนิติศาสตร์!

เปิดประวัติศาสตร์ใหม่ คำสั่งบังคับโทษคดี “ทักษิณ” จุดเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมไทย ช่องโหว่ฝ่ายบริหารสู่บรรทัดฐานใหม่ทางนิติศาสตร์!

เผยแพร่

spot_img

10 กันยายน 2568 รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม โพสต์ข้อสังเกตทางนิติศาสตร์ที่มีต่อ ‘#คำสั่งศาลฎีกาฯ‘ กรณี #การบังคับโทษจำคุก นายทักษิณ ชินวัตร ว่า…

1. คำสั่งที่วินิจฉัยว่าการบังคับโทษจำคุก #ทักษิณ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ต้อง #กลับไปรับโทษจำคุกอีก เป็น “การสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในทางนิติศาสตร์” ไม่ใช่เพราะเป็นการส่งอดีตนายกรัฐมนตรีเข้าคุกจริงๆ เป็นครั้งแรกของไทย แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่ #ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เข้ามา “ตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษา” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายบริหาร (โดยเฉพาะ #กรมราชทัณฑ์) ทั้งๆ ที่มีผู้คัดค้านว่า ศาลไม่ควรมีอำนาจไต่สวน โดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้อย่างชัดแจ้ง

การที่ศาลฎีกาตีความกฎหมายว่า ตนมีอำนาจสะท้อนให้เห็นถึง #ความไม่เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ในการ #บังคับตามคำพิพากษา และศาลคงมองไม่มีหนทางอื่น ที่แก้ปัญหาร้ายแรงของ #กระบวนการยุติธรรม ในส่วนนี้ได้อย่างทันท่วงที คำสั่งของศาลฎีกาฯ ในคดีนี้จึงเป็นทั้ง “พยานหลักฐานของความล้มเหลวในกระบวนการบังคับโทษ” และยังเป็นสัญญาณที่ส่งถึง “ฝ่ายบริหารให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” และต้องคิดหาวิธีการปฏิรูปหรืออุดช่องโหว่ของ #กระบวนการบังคับโทษ โดยเร็ว โดยไม่ควรปล่อยให้เป็น #ภาระของศาลยุติธรรม ในการตีความกฎหมายเพื่อเข้ามามีอำนาจตรวจสอบ

2. คำสั่งครั้งประวัติศาสตร์ของศาลฎีกาฯ ในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีผลเฉพาะคดีคุณทักษิณ แต่ก็จะกลายเป็น #บรรทัดฐานใหม่ ที่อาจจะทำให้เกิดการร้องขอตรวจสอบการบังคับโทษในคดีอื่นๆ ด้วย หากศาลยุติธรรมปฏิเสธไม่รับไต่สวนให้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมเสียเอง

อย่างไรก็ตาม ศาลคงไม่มีเวลาและบุคลากรมากพอ ที่จะเข้าไปตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษาในทุกคดี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ศาลยุติธรรมต้องปรึกษาหารือกันภายใน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า มีกรณีแบบใดบ้างที่ศาลควรเข้าไปตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษา

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ค้นหามาเล่าเรื่องรู้แล้วสบายใจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ตอนแรกก็สงสัยว่าพระองค์ท่านโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นส่วนบุคคลทำไม ทำให้พระองค์ต้องเสียภาษีต่อปีมหาศาล ก็เพิ่งเข้าใจได้ว่าพระองค์ท่านสามารถตัดสินพระทัยอะไรได้คล่องแคล่วและทันที แม้จะต้องเสียภาษี แต่ก็มีข้อดีกว่าสมัยก่อนต้องผ่านหลายขั้นตอน และไม่คล่องตัว

ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงมหาดไทย 45 ราย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 45 ตำแหน่ง

ครม.รับโอน “นิชา ธุวธรรม” นั่งที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ การรับโอน นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)