วันพุธ, สิงหาคม 13, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกบทความ-ความเห็นเจตนามหาอำนาจในศึกละแวกยุคดิจิตัล : สงครามเล็กที่สะท้อนเกมใหญ่

เจตนามหาอำนาจในศึกละแวกยุคดิจิตัล : สงครามเล็กที่สะท้อนเกมใหญ่

เผยแพร่

spot_img

1. เมื่อสงครามชายแดนกลายเป็นเวทีของโลก

ศึกละแวกที่เริ่มจากเสียงปืนใหญ่ในพรมแดนไทย–กัมพูชา ได้บานปลายจนเกินกว่าความขัดแย้งท้องถิ่น มหาอำนาจเริ่มสอดแทรกเข้ามาทีละขั้น—ทั้งสหรัฐ จีน มาเลเซีย และแม้แต่อาเซียนเอง ต่างประกาศ “พร้อมเป็นตัวกลาง” เพื่อยุติความรุนแรง

นี่คือสัญญาณสำคัญว่า สงครามเล็กสามารถกลายเป็นเครื่องมือของระเบียบโลกใหม่ ได้อย่างง่ายดาย หากชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน หรือยอมปล่อยให้ “เรื่องเล่า” จากภายนอกเป็นผู้กำหนดทิศทางแทนตัวเอง

2. บทเรียนจากทรัมป์: การเจรจาที่ไม่เคยเป็นกลาง

ทรัมป์แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการให้สงครามยุติเพื่อปูทางดีลภาษีกับไทยและกัมพูชา แต่คำถามคือ เพื่อใคร?

ประสบการณ์ในยูเครน แสดงให้เห็นว่าการเข้าไป “ไกล่เกลี่ย” ของสหรัฐไม่เคยนำสู่สันติภาพอย่างแท้จริง แต่กลับทำให้สงครามยืดเยื้อ เพื่อผลประโยชน์ของ Military–Industrial Complex และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ระยะยาว

บทบาทของสหรัฐในตะวันออกกลางก็ชัดเจนไม่แพ้กัน: ภายใต้คำว่า “สันติภาพ” ซ่อนเร้นด้วยการขยายอิทธิพล การขายอาวุธ และการจัดสมการอำนาจใหม่ที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด

ทรัมป์อาจพูดถึง “หยุดยิง” แต่สิ่งที่สหรัฐทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือการ เลี้ยงไข้ของสงคราม เพื่อผลประโยชน์ตนเอง และทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งติดหล่มจนหมดเรี่ยวแรงต่อรองในอนาคต

3. จีน: ผู้เล่นเงียบแต่ได้แต้ม

ขณะที่สหรัฐใช้วิธี “รุก-แทรกแซง-สร้างความวุ่นวายเพื่อเข้าไปควบคุม” จีนกลับเลือกเป็น ผู้สนับสนุนเชิงโครงสร้าง

ซื้อพลังงานจากรัสเซียเพื่อทำให้รัสเซียสู้สงครามยืดเยื้อได้

ให้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์สนับสนุนพันธมิตรอย่างอิหร่านและปากีสถาน จนสามารถพลิกผลการรบได้เหนือความคาดหมาย

ใช้เงินหยวนและระบบการเงินคู่ขนานลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

จีนไม่ประกาศตัวโผงผาง แต่ เปลี่ยนดุลอำนาจเชิงลึก โดยไม่ต้องยิงกระสุนแม้แต่นัดเดียว

4. ไทยอยู่ตรงไหน?

คำถามที่น่ากลัวที่สุดคือ: เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของไทยคืออะไร?

เรากำลังรบเพื่อรักษาอธิปไตยเพียงอย่างเดียว หรือเพื่อวางสมการใหม่ในภูมิภาค?

เรากำลังปล่อยให้ เกมภายนอก เป็นผู้เขียนเรื่องราว หรือเรากำลังเขียนเรื่องราวของเราเอง?

เรากำลังจะยอมให้ศึกละแวกกลายเป็น “สงครามตัวแทน” เพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น หรือจะหยุดมันให้อยู่ในขอบเขต ไทย–กัมพูชาเท่านั้น?

5. อย่าปล่อยให้ซ้ำรอย “ประเทศที่ตกเป็นเหยื่อเกม”

ประเทศเล็กจำนวนมากในประวัติศาสตร์เคยหลงดีใจกับการที่มหาอำนาจ “ยื่นมือเข้ามาช่วย” แต่สิ่งที่ได้คือการสูญเสียอธิปไตยทีละชั้น

ยูเครนกลายเป็นสนามรบที่ยืดเยื้อจนโครงสร้างเศรษฐกิจพังทลาย

ปาเลสไตน์ถูกเจรจาออกจากบ้านตัวเองทีละส่วนจนไม่เหลือพื้นที่ตั้งรัฐ

ไทยต้องไม่เดินซ้ำรอยนั้น

เราต้องจำกัดรัศมีความขัดแย้งให้อยู่แค่ สองประเทศ ไม่ให้กลายเป็น “สงครามภูมิภาค”

เราต้องปฏิเสธการตั้งฐานทัพต่างชาติถาวร ที่จะเปลี่ยนเราเป็นเพียง “จุดยุทธศาสตร์ของคนอื่น”

เราต้องเร่งสร้างเอกภาพภายใน เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งในบ้านกลายเป็นช่องโหว่ที่ต่างชาติใช้ต่อรอง

○ เจตนามหาอำนาจในศึกละแวกยุคดิจิตัลนั้นชัดเจน: พวกเขาไม่ได้ต้องการสันติภาพของเรา แต่ต้องการใช้ ‘สงครามของเรา’ เป็นบันไดสู่เกมใหญ่ของตนเองต่างหาก

ไทยจึงต้อง อ่านเกมออก เขียนเกมเอง และเล่นเกมอย่างมีจุดยืน 

ไม่ใช่แค่เพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อยืนหยัดในโลกที่กำลังจัดสมดุลใหม่

จำไว้นะ นี่คือโลกที่ผู้ไม่มียุทธศาสตร์จะถูกเขียนชะตากรรมแทนโดยคนอื่นเสมอ

…….

● ยุทธศาสตร์ 3 ชั้นของไทย – ไทยต้องไม่ติดหล่มสงครามตัวแทน

1. ชั้นแรก: ยุทธศาสตร์ระยะสั้น (0–6 เดือน)

เป้าหมาย: จำกัดรัศมีของความขัดแย้งและป้องกันการสอดแทรกจากภายนอก

ล็อกสมรภูมิให้อยู่ในขอบเขตไทย–กัมพูชาเท่านั้น : ไม่ให้ปัญหาลุกลามเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค

ปฏิเสธฐานทัพถาวรจากมหาอำนาจ : ป้องกันไม่ให้ไทยถูกใช้เป็น “สนามรบสำเร็จรูป” ของใคร

ควบคุมเรื่องเล่า (Narrative) : ใช้ศูนย์ยุทธศาสตร์ข้อมูล (Info Ops) ของไทยเอง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริง ปิดช่องว่างข่าวปลอมที่จะถูกใช้บ่อนทำลายความชอบธรรมของไทย

ฟื้นฟูความเชื่อมั่นภายใน : ประกาศแผนป้องกันพลเรือนชายแดน พร้อมกองทุนเยียวยาที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า “รัฐปกป้องพวกเขาได้จริง”

2. ชั้นกลาง: ยุทธศาสตร์ระยะกลาง (6–24 เดือน)

เป้าหมาย: ใช้โอกาสหลังสงครามสร้าง “โครงสร้างสันติภาพถาวร”

เขียนสัญญาใหม่กับเพื่อนบ้าน : ปรับความร่วมมือด้านชายแดน พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานให้อยู่บนฐานความเสมอภาค ไม่ใช่ “การประนีประนอมด้วยความกลัว”

สร้างเศรษฐกิจชายแดนที่เป็นกันชนสันติภาพ : พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและระบบโลจิสติกส์ที่เหนือกว่าฝั่งกัมพูชา เพื่อให้สันติภาพ “มีผลประโยชน์จริง” สำหรับทั้งสองฝ่าย

ความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 : ลงทุนในระบบต่อต้านโดรน สงครามไซเบอร์ และการฝึก Territorial Defense ของประชาชนชายแดน

3. ชั้นลึก: ยุทธศาสตร์ระยะยาว (5–50 ปี)

เป้าหมาย: ทำให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางเสถียรภาพอินโดจีน”

ไม่เป็นหมากของใคร : วางตัวสมดุลระหว่างมหาอำนาจตะวันตกและตะวันออก รักษาความเป็น “แกนกลางของอาเซียน”

ใช้ Soft Power + Hard Power : จากอาหาร วัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและเทคโนโลยีอวกาศ

สร้างคนรุ่นใหม่ที่มียุทธศาสตร์ในหัวใจ : การศึกษาและวัฒนธรรมต้องสอนให้ประชาชนเข้าใจเกมโลก ไม่ตกเป็นเหยื่อเรื่องเล่าของใครง่าย ๆ

พัฒนา “จิตวิญญาณรัฐ” : จากรัฐที่เคยคิดแค่เอาตัวรอด → รัฐที่มี “วิสัยทัศน์ 50 ปี” มองตัวเองเป็นผู้กำหนดอนาคต ไม่ใช่เพียงผู้ปรับตัวตามผู้อื่น

○ สงครามตัวแทนเกิดขึ้นเพราะประเทศเล็กคิดสั้น หรือคิดไม่เป็น

ไทยต้องคิดสามชั้นพร้อมกัน: หยุดเลือดออกในวันนี้ – สร้างกันชนพรุ่งนี้ – และออกแบบอนาคตอีก 50 ปี

ถ้าเราทำได้ ศึกละแวกยุคดิจิตัลจะไม่ใช่เพียงวิกฤติ แต่จะเป็น จุดเริ่มต้นของไทยที่ตื่นขึ้นมาเป็นผู้เล่นจริงในกระดานโลก ไม่ใช่เพียงตัวหมากที่รอให้ใครขยับ

…….

● ภูมิคุ้มกันเชิงจิตวิญญาณชาติ – รากฐานที่ทำให้ไทยไม่กลับไปติดกับดักเดิม

1. สงครามไม่ใช่เพียงเรื่องปืน แต่คือเรื่องจิตใจของชาติ

ศึกละแวกยุคดิจิตัลแสดงให้เราเห็นชัดว่า:

ชาติที่มีแสนยานุภาพทางทหาร แต่ไร้เอกภาพภายใน ย่อมถูกกำหนดเกมจากภายนอกได้ง่าย

ชาติที่มีข้อมูลข่าวสารครบ แต่ไร้ภูมิคุ้มกันทางจิตวิญญาณ ย่อมเชื่อเรื่องเล่า (Narrative) ของคนอื่นมากกว่าของตนเอง

นี่จึงไม่ใช่เพียงเวลาสำหรับ ปรับยุทธศาสตร์การทหาร เท่านั้น แต่เป็นเวลาสำหรับ “สร้างจิตวิญญาณรัฐ” ที่จะทำให้ไทยไม่หวนกลับไปเป็นเพียงหมากของคนอื่นอีกต่อไป

2. สามเสาหลักของภูมิคุ้มกันเชิงจิตวิญญาณชาติ

(1) ความจริงทางประวัติศาสตร์

ไทยต้องเลิกเรียนประวัติศาสตร์แบบ “ท่องจำชัยชนะ–ความพ่ายแพ้”

ต้องเปลี่ยนเป็น ประวัติศาสตร์ที่ทำให้เข้าใจเกมโลก: ทำไมเราสูญเสียดินแดน? ทำไมเราถูกกดดันซ้ำแล้วซ้ำเล่า? และเราจะป้องกันการซ้ำรอยได้อย่างไร?

ประวัติศาสตร์ต้องไม่ใช่อดีตที่ทำให้เราติดอยู่กับความแค้น แต่เป็น ภูมิปัญญาที่ทำให้เราก้าวข้ามความแค้น

(2) สำนึกแห่งอธิปไตย (Sovereignty Consciousness)

ทุกคนต้องรู้ว่า “อธิปไตยไม่ใช่ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว” แต่เป็นของ ประชาชนทุกคน

ต้องสร้างวัฒนธรรม ไม่ยอมขายผลประโยชน์ชาติแม้แลกด้วยความสะดวกสบายระยะสั้น

ต้องสร้าง “สายตากว้างไกล”: เข้าใจว่าอธิปไตยไม่ได้อยู่แค่ที่ดิน–น้ำ–ฟ้า แต่รวมถึง อธิปไตยทางข้อมูล, พลังงาน, และความคิด

(3) วัฒนธรรมแห่งการตื่นรู้ (Awareness Culture)

ประชาชนต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของ Fake News, Narrative Manipulation และการสร้างความเกลียดชัง

โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสื่อ ต้องสอนให้ คนไทยตั้งคำถามได้ ไม่ใช่แค่เชื่อหรือปฏิเสธตามอารมณ์

นี่คือภูมิคุ้มกันสำคัญที่สุดในยุคที่สงครามเริ่มต้นในมือถือ ก่อนจะจบลงในสมรภูมิจริง

3. จาก “รัฐเอาตัวรอด” สู่ “รัฐที่กำหนดอนาคต”

ประเทศไทยเคยใช้ชีวิตในโหมด “เอาตัวรอด” มานาน:

เราถูกสอนให้ “อย่าไปสู้กับใคร” แต่กลับไม่ได้ถูกสอนให้ “ออกแบบเกมของเราเอง”

เราถูกสอนให้ “พึ่งพาคนอื่น” มากกว่าที่จะ “พึ่งพาตนเอง”

ศึกละแวกยุคดิจิตัลคือสัญญาณเตือนว่า โหมดเอาตัวรอดไม่เพียงพออีกต่อไป

เราต้องเปลี่ยนเป็นโหมด “ผู้เล่นที่มีจุดยืนและวิสัยทัศน์ 50 ปี”

เราต้องทำให้ประเทศไทยไม่ใช่เพียง “จุดยุทธศาสตร์ของผู้อื่น” แต่เป็น ศูนย์กลางเสถียรภาพที่ผู้อื่นต้องเคารพ

○ บทสรุป:

สงครามทำให้เราเห็นว่ากระสุนไม่ใช่สิ่งที่ทำลายประเทศ แต่คือ ความแตกแยกภายในและความกลวงเปล่าภายในใจคน ต่างหาก

หากเราสร้างภูมิคุ้มกันเชิงจิตวิญญาณชาติได้—ด้วยประวัติศาสตร์ที่ตื่นรู้, สำนึกแห่งอธิปไตย, และวัฒนธรรมการตั้งคำถาม—เราจะไม่เพียงป้องกันสงครามตัวแทน แต่จะสร้างประเทศไทยที่ ยืนหยัดบนขาของตนเอง และมองไกลกว่าความกลัว

ศึกละแวกจึงอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ “การตื่นรู้ชาติไทย” หากเรากล้าที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงจริง ๆ

ด้วยความปรารถนาดี

~ สุวินัย ภรณวลัย

ข่าวล่าสุด

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภา ความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิป สนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภาความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิปสนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

 รู้ไหมว่า… อีกา “เข้าหามด” เวลาป่วย?

รู้ไหมว่า... อีกา "เข้าหามด" เวลาป่วย? แม้จะฟังดูประหลาด แต่นี่คือสัญชาตญาณอันชาญฉลาดของนกอีกา!

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงและคำมั่นต่อเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชายังคงถูกกล่าวหาว่าละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศต้องประท้วงเป็นครั้งที่ 4 ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พฤติกรรมเช่นนี้กำลังบั่นทอนความไว้วางใจ และอาจทำให้กัมพูชาเผชิญแรงกดดันรอบด้านจากประชาคมโลก

ข่าวอื่นๆ

สื่อต่างชาติมองการรบไทย-เขมร      

ไทยรบเขมรครั้งนี้สื่อต่างประเทศเช่น Jane Defense Weekly, Military Watch Magazine and The Diplomat ล้วนมีทัศนะและข้อคิด เกี่ยวกับสถานะ การสู้รบและประเมินกองทัพไทย ตลอดจนการวางแผน, ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีและอาวุธที่เราใช้อย่างน่าสนใจ

การก่อสร้างทางรถไฟสมัยรัชกาลที่ 5-รัชกาลที่ 7 แม้มีอุปสรรคแต่ได้ระยะทางรวมกว่า 3 พันกม.

การคมนาคมในสยามยุคก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากอยู่พอสมควร ดังนั้นการพัฒนารูปแบบการเดินทางจึงมีความสำคัญไม่น้อย เมื่ออิทธิพลของตะวันตกแผ่ขยายมายังดินแดนในแถบเอเชียตะออกเฉียงใต้ สังคมสยามก็ก้าวเข้าสู่สมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เทคโนโลยี ความรู้ความคิดของผู้คนเปลี่ยนไปก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่ทำให้สังคมสยามเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และ รถไฟ ก็เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยในสมัยนั้นและได้กลายเป็นทางเลือกหนึ่งของการเดินทางแบบใหม่ คนไทยเห็นรถไฟครั้งแรกมาจากอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2389...

เหตุการณ์รุนแรงสงบ แต่ ‘ความเกลียดชัง’ รุนแรงไม่มีวันจบ

1) จากเหตุการณ์ความไม่สงบ #ชายแดนไทยกัมพูชา อย่างที่ผมได้วิเคราะห์ไปในบทความก่อนหน้า ตามหลักจิตวิทยาของการใช้ความรุนแรง เมื่อทุกอย่างจบลง สิ่งที่ทิ้งไว้หลังจากความขัดแย้ง จะทวีความรุนแรง และน่ากลัวกว่าเดิม แต่เป็นการใช้ "สงครามทางจิตวิทยา" ระหว่างคน 2 ประเทศ 2)...