ผู้ป่วยที่เป็น STROKE ทำกายภาพบำบัด มา 3 ปีเศษ อาการดีขึ้น มาเล่าให้ฟังว่า :-
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ฉันแข็งแรงและสุขภาพดีมาก ออกกำลังกายทุกวัน โดยปั่นจักรยาน และเดิน ไม่ต่ำกว่า 8,000 ก้าว ทุกวัน ถึงกระนั้น ฉันก็ยังเป็น Stroke
วันหนึ่งเมื่อ 3 ปีกว่ามาแล้ว เมื่อฉันลุกขึ้นยืน ฉันรู้สึกวิงเวียนศรีษะ แล้วก็วูบล้มลง มือและเท้าของฉัน ชา แขนขาอ่อนแรง ฉันถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ผลการวินิจฉัย หลอดเลือดสมองซีกขวาแตก ฉันต้องเข้าห้อง ICU ผ่าตัด และทำกายภาพบำบัด ทั้งที่โรงพยาบาล และที่บ้านและ เมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องนั่งรถเข็นตลอด
ฉันคิดว่า ทำไมฉันถึงเป็น Stroke ในเมื่อฉันออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
หมอพบว่า สาเหตุที่แท้จริง ร่างกายฉันขาดน้ำเป็นประจำ
ดังนั้น ฉันจึงอยากจะเตือนเพื่อนๆ ทุกคนว่า :**อย่าลืมจิบน้ำตลอดวัน เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
ทุกคนต้องดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม
หมอแนะนำว่า น้ำหนักตัวเรา 1 กิโลกรัม ต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 30 cc. เช่น
น้ำหนักตัวเรา 70 กก. จะต้องดื่มน้ำเท่ากับ 70×30 = 2,100 cc./วัน
แม้ดื่มน้ำเยอะ อาจต้องเข้าห้องน้ำบ่อย แต่ดีกว่าเป็น Stroke นะ
*สำคัญ ก่อน/หลังออกกำลังกาย อย่างน้อย ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อน/หลังอาหาร ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อนนอน 2-3 ชม. ดื่มน้ำ 1 แก้ว (ไม่ควรดื่มแล้วนอนทันที)
ตื่นนอน ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว
หากเราดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน จะช่วยป้องกัน Stroke ให้ห่างไกลจากตัวเราได้
นอกจากนั้น หมอ ฝากมาให้ช่วยแจ้งผู้สูงอายุทุกท่านว่า “ในช่วงเปลี่ยนอิริยาบท จาก นอน/นั่ง เป็น ลุกขึ้นยืน ขอให้ทำอะไรให้ช้าลง หากทำอะไรเร็วเกินไป ความดันอาจสวิง อาจวูบได้ หรือเส้นเลือดอาจแตกได้ ขอให้เพิ่มความมีสติให้มากขึ้น *แก่แล้ว ต้องเจียมตัวนะ จะได้มีอายุยืนยาวแล้วยังช่วยตัวเองได้
การส่งต่อ ข้อมูลที่ดีๆ = ความมีเมตตาต่อกัน เป็นบุญกุศล