10 กันยายน 2568 หลังจากที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง #คุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น #นายกรัฐมนตรีคนที่32 ของไทย ซึ่งเป็นนักการเมืองที่ถือว่ามีความโชกโชนคนหนึ่งในขณะนี้ วานนี้ ก็ได้เห็นหน้าตาของ #คณะรัฐมนตรี ที่จะได้รับการพิจารณานำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ของท่านนายกรัฐมนตรี #พรรคภูมิใจไทย
ก่อนอื่นผมต้องขอชื่นชมความใจกว้าง ของท่านนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งคนนี้ ที่ได้ #เสียสละโควต้ารัฐมนตรี ของพรรคตัวเองมาให้คนนอกหลายตำแหน่ง มากกว่าที่พรรคการเมืองไทยทั่วไปเคยทำกันมาอย่างชาชิน
ความชื่นชมของผม หมายถึงการได้เห็นพรรคการเมืองที่ได้แสดงให้เห็น #การสรรหารัฐมนตรีน้ำดี จากนอกพรรคมาช่วยบริหารประเทศ แตกต่างจากพรรคการเมืองไทยโดยทั่วไปที่คิดแต่จะ #ตั้งพวกพ้องที่สนิทชิดเชื้อ ลูกน้องที่ใจกว้าง รู้จักกินแบ่งให้นายหรือให้พรรคเป็นหลักไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ที่มีงบประมาณมาก หรือที่มีดีลที่เป็นเงินเป็นทองมาก เป็นต้น
ในอดีตประมาณ 50 ปีมาแล้ว เคยมี #พรรคการเมือง หลายพรรคร่วมกันตั้งรัฐบาล แต่พร้อมใจมอบอำนาจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กับ #นายทหารใหญ่ เป็นผู้นำ ผมเองมีโอกาสเห็นการทำงานของท่านใกล้ชิดในตอนนั้น ท่านเริ่มตั้ง ครม. ด้วยการคัดเลือกคนนอกพรรค ที่มีความสามารถ ที่ท่านเห็นว่าต้องจัดมาคุมกระทรวงสำคัญๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านพลังงาน และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีท่านนั้น คือ #พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หรือ #“ป๋าเปรม ที่หลังพ้นหน้าที่แล้วได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น #ประธานองคมนตรี และต่อมาก็ได้รับการเชิดชูเป็น #รัฐบุรุษ อีกด้วย
ผมสงสัยว่า ท่านนายกฯอนุทิน ไปลอกเลียนแบบการตั้ง ครม. ของป๋าเปรมได้อย่างไร เพราะตอนนั้น นายกคนที่ 32 นี้ อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ!
สำหรับท่าน #รัฐมนตรีคนนอก ที่กำลังจะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลชุด ที่กำลังออกมาสู่สายตาของคนไทยในขณะนี้ รัฐมนตรีคนที่ผมรู้จักดีและการันตีได้ว่ามือดี รักชาติ และมือสะอาดแน่ เช่น #ศาสตราจารย์พิเศษบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลด้านกฎหมาย ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ยังเหลืออายุราชการ ใน #กระทรวงการคลัง ถึง 6 ปี ที่ลาออกมารับตำแหน่ง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่งใหญ่มากของเครือดุสิตธานีมารับตำแหน่ง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ผมต้องขอชื่นชมท่านทั้งสามนี้ ยอมเสียสละอย่างมากมาทำงานสำคัญให้ชาติ รับเงินเดือนต่ำต้อยไม่กี่เดือน ทั้งๆที่รู้ว่าตามกฎหมายเฉิ่มๆ ของไทยที่ได้กำหนดว่า เมื่อออกไปแล้วจะไปเป็นกรรมการหรือผู้บริหารใหญ่ๆในภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง จะต้องรอนั่งตบยุงและขอเงินคู่สมรสใช้ไปถึง 2 ปี
นอกจากที่กล่าวข้างต้น รัฐมนตรีมือดีๆมีประสบการณ์สูง ไม่เคยด่างพร้อยคนอื่นที่ไม่ใช่นักการเมืองก็มีอีก เช่น คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีต CEO ปตท. จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นต้น
เมื่อทัศนคติและวิสัยทัศน์ของนักการเมืองใหญ่ของไทยเปลี่ยนไปให้เห็นชัดมากในครั้งนี้ …ดูเสมือนว่าเป็นการปรับวัฒนธรรมการเมืองของไทยที่ยึดประชาธิปไตยแต่ปากให้ดีขึ้น พร้อมๆกับข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีชื่อดังของไทยถูก
ศาลตัดสินในวันนี้ให้จำคุก 1 ปี ก็คาดหวังได้ว่า อย่างน้อยคงสามารถช่วย #ขัดเกลาธรรมาภิบาล ด้านการเมืองที่สนิมจับเขรอะของเรา ให้เปล่งประกายออกมาให้นานาประเทศเขาหยุดดูถูกเราได้ระดับหนึ่งแน่!