วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTรัฐบาลอนุทิน แถลงนโยบายวันนี้  สื่อจับตา 2 เดิมพันใหญ่ "แก้ รธน. และปมชายแดน" ชี้ชะตาความชอบธรรม 4 เดือนรัฐบาล

รัฐบาลอนุทิน แถลงนโยบายวันนี้  สื่อจับตา 2 เดิมพันใหญ่ “แก้ รธน. และปมชายแดน” ชี้ชะตาความชอบธรรม 4 เดือนรัฐบาล

เผยแพร่

spot_img

    วันนี้ (29 กันยายน 2568) รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา  ท่ามกลางวาระบริหารประเทศที่จำกัดเพียง 4 เดือน โดยการวิเคราะห์ล่วงหน้าชี้ว่า หัวใจสำคัญของคำแถลงไม่ได้อยู่แค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่เป็นการรักษาสัจจะทางการเมืองตามข้อตกลง (MOA) ผ่านการผลักดัน 2 ประเด็นละเอียดอ่อนที่ต้องทำให้เป็นรูปธรรม ได้แก่ การเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การคลี่คลายข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเป็นเดิมพันชี้วัดความชอบธรรมและเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้

                         จากประเด็นหลักและเงื่อนไขวาระสั้น ในร่างคำแถลงนโยบายที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้แบ่งนโยบายออกเป็นส่วนเร่งด่วน 4-5 ด้าน โดยมีเป้าหมายหลักในการแก้ปัญหาปากท้องและค่าครองชีพ เช่น โครงการคนละครึ่ง และการแก้หนี้สินฐานราก อย่างไรก็ตาม ด้วยการประกาศยุบสภาภายในเดือนมกราคม 2569 ทำให้รัฐบาลต้องแสดงความมุ่งมั่นต่อนโยบายเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการเมืองและการต่างประเทศที่มีความอ่อนไหวสูง

                              ประเด็นแรกที่ถูกจับตาคือ “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล แม้รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขสำเร็จได้ใน 4 เดือน แต่ความสำเร็จจะถูกวัดที่การ “เริ่มต้นกระบวนการ” อย่างจริงจัง รัฐบาลจำเป็นต้องระบุกรอบเวลาและขั้นตอนที่ชัดเจนสำหรับการ “จัดทำประชามติ” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะว่า ข้อตกลงทางการเมืองดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจเท่านั้น แต่เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นจุดที่ฝ่ายค้านจะใช้ในการอภิปรายและตรวจสอบอย่างเข้มข้นที่สุด

                             ที่สำคัญการเดิมพันความมั่นคง  ในการคลี่คลายข้อพิพาทชายแดน

                         “การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา” โดยเน้นการใช้แนวทางสันติวิธีและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ การบรรจุวาระนี้ในนโยบายสะท้อนถึงความพยายามในการคลี่คลายปมปัญหาที่สะสมมานาน โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนและการรุกล้ำอธิปไตย  ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นวาระการเมือง การทำให้เป็นรูปธรรมคือการ “เริ่มต้นการเจรจาระดับคณะกรรมการร่วม” อย่างเป็นทางการ และการส่งสัญญาณเชิงบวกผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดน เพื่อสร้างความคืบหน้าที่จับต้องได้ก่อนสิ้นสุดวาระของรัฐบาลชั่วคราว

                      การแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล จึงเป็นบทพิสูจน์ที่หนักอึ้ง ไม่ใช่แค่เรื่องเงินในกระเป๋าของประชาชน แต่คือความสามารถในการบริหาร “พันธสัญญาทางการเมือง” และ “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา รัฐบาลต้องแสดงท่าทีอย่างชัดเจนด้วยการแถลงในที่ประชุมรัฐสภา เป็นวิสัยทัศน์ที่รัดกุมในการใช้ 4 เดือนนี้เป็นรากฐาน ไม่ใช่การบริหารหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งคราวหน้า

                      ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน คือการอภิปรายของฝ่ายค้านตลอดสองวันจะเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักที่ใช้ตัดสินว่ารัฐบาลชุดนี้สมควรได้รับความเชื่อมั่นจากรัฐสภาและประชาชนเพียงใด

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

อนุทินแข็งกร้าว! สั่งระงับสันติภาพไทย-กัมพูชา ปิดด่าน 100%

หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ชี้ความเป็นปรปักษ์ยังไม่สิ้นสุด ส่อขัดอนุสัญญาเจนีวา                           ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดในรอบปี ถูกประกาศโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยในวันนี้ โดยมีการสั่งระงับ "ปฏิญญาสันติภาพ" ร่วมกับกัมพูชาทันที พร้อมทั้งสั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด 100% หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดซ้ำบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษจนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่...

อนุทิน ประกาศ 8 ข้อ เกมการเมืองที่ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเร่งแถลง “8 ข้อสำคัญ” เพื่อสร้างความมั่นใจทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันภายในและกระแสข่าวยุบสภา