ไทยรบเขมรครั้งนี้สื่อต่างประเทศเช่น Jane Defense Weekly, Military Watch Magazine and The Diplomat ล้วนมีทัศนะและข้อคิด เกี่ยวกับสถานะ การสู้รบและประเมินกองทัพไทย ตลอดจนการวางแผน, ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีและอาวุธที่เราใช้อย่างน่าสนใจ
ประเทศเพื่อนบ้านของเราเช่นเวียดนาม มาเลเซีย แม้กระทั่งญี่ปุ่นถึงกับกล่าวว่าไทย มีขีดความสามารถในการทำสงครามชนิดยิงไม่พลาดเป้าได้แล้ว และนิตยสารต่างประเทศ ที่ระบุข้างต้นกล่าวว่า กองทัพไทยก้าวพ้นจากการทำสงครามแบบเก่า มาสู่การทำการรบแบบทันสมัย ใช้แผนการรบอัจฉริยะนับตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๖๔ เป็นต้นมา โดยกองทัพไทยมีศักยภาพไม่ต่างอะไรกับนาโต(NATO)ในการคิดวิเคราะห์และใช้ปัญญาประดิษฐ์ เหนือกว่าหลายชาติตะวันตก
นิตยสารต่างประเทศเหล่านั้นว่าระบบของกองทัพไทยใช้ C4ISR ซึ่งเป็นระบบควบคุม, สั่งการ, สื่อสาร, ข่าวกรอง, การเฝ้าควบคุมและการสอดแนม ระบบนี้กองทัพไทย นำมาแทนที่ระบบเก่า ซึ่งเป็นระบบควบคุมสั่งการและสื่อสารเท่านั้น สื่อต่างประเทศต่างกล่าวว่าไทยรบกับเขมรครั้งนี้ ใช้ระบบก้าวหน้า ใช้สมองในการตัดสินใจ ใช้โดรนผลิตในประเทศ ที่ทำงานอย่างได้ผล ใช้ดาวเทียมและระบบ C4ISR อย่างได้ผล มีประสิทธิภาพ สู้กับฝ่ายเขมรที่ยังใช้ Conventional Warfare ไม่พัฒนา ไทยเคลื่อนกำลังกองทัพบก เรือ อากาศพร้อมเพรียงกัน
และทั่วโลกสนใจเป็นพิเศษคือใช้เครื่องบินรบกริพเพนเป็นครั้งแรกในโลกที่ขึ้นบินทำสงคราม
สื่อมวลชนตะวันตกถามว่าใครในกองทัพไทย อยู่เบื้องหลังการใช้ C4ISR และมีแผนอัจฉริยะ เริ่มตั้งแต่ ๑๙๖๔ แบบกองทัพนาโตที่นอร์เวย์ทำให้ศักยภาพกองทัพไทยเทียบเท่าอิสราเอล ซึ่งมีการใช้ปัญญาประดิษฐ (AI) ในการทำสงครามกับคู่ต่อสู้ในสนามรบ
ผมเชื่อว่าข้อสังเกตและคำวิจารณ์ของสื่อต่างชาติทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นไปในทางบวกต่อกองทัพไทยทั้งสิ้น แสดงว่าพวกเขาได้รายงานเจาะลึกและเข้าถึงชั้นความลับไม่มากก็น้อย ทำให้เชื่อว่าข้อมูลที่เขาได้รับน่าจะเป็นจริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่นำไปตีความดังที่ผมได้รวบรวมมา
อย่างไรก็ดี ขอแสดงความยินดีต่อกองทัพไทยด้วยครับ
จบ