วันพุธ, สิงหาคม 13, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกสรุปเรื่องซับซ้อน  “กฎ 7 ข้อ” หลังหยุดยิงระหว่างไทย–กัมพูชาจะสัมฤทธิผลหรือไม่  คงไม่นานเกินรอ

  “กฎ 7 ข้อ” หลังหยุดยิงระหว่างไทย–กัมพูชาจะสัมฤทธิผลหรือไม่  คงไม่นานเกินรอ

เผยแพร่

spot_img

                         หลังจากเหตุการณ์สู้รบรุนแรงยาวนานกว่า 5 วันที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากที่ยังไม่อาจเปิดเผยได้และพลัดถิ่นรวมกว่า 300,000 คนในชายแดนไทย–กัมพูชานั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตอบรับข้อเสนอหยุดยิงแบบ “ทันทีและไม่มีเงื่อนไข” ที่ดำเนินการผ่านการไกล่เกลี่ยของมาเลเซียโดยมีสหรัฐฯและจีนเข้าร่วมสนับสนุนและสังเกตุการณ์

หลังข้อตกลงหยุดยิงถูกเผยแพร่ แม่ทัพระดับสูงของทั้งสองประเทศได้หารือจัดทำ กฎ 7 ข้อ Ceasefire Protocol เพื่อควบคุมสถานการณ์ภาคสนาม

         กฎ 7 ข้อตามข้อตกลงหยุดยิง

 1. ยุติการเคลื่อนกำลัง ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดเคลื่อนย้ายกำลังเข้าพื้นที่แนวชายแดนทันที

 2. หยุดยิงทุกชนิด ห้ามใช้อาวุธหนักรวมถึงเครื่องบิน ปืนใหญ่ และระเบิดแบบใดก็ตาม

 3. คืนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตให้กับสองฝ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนด

 4. เปิดพื้นที่ให้ที่ปรึกษาระหว่างประเทศเข้าตรวจสอบ เช่น ยอมให้ UN หรือผู้แทนอาเซียนสังเกตการณ์

 5. ตั้งคณะทำงานร่วม (Coordination Teams) ระดับแม่ทัพภาคเพื่อสื่อสารระหว่างกันหากมีเหตุฉุกเฉิน

 6. คืนดินแดนที่ยึดครอง หากฝ่ายใดเข้ายึดพื้นที่ที่ตกเป็นข้อพิพาท

 7. เชิญหน่วยงานสังเกตการณ์อิสระเข้าเฝ้าติดตาม ตลอดช่วงบังคับใช้ข้อตกลงแรก

กฎข้อที่ 4–7 ได้รับการยืนยันจากตัวแทนทั้งสองว่าจำเป็นต่อความน่าเชื่อถือของ Protocol  

                             การเจรจาครั้งนี้มีแม่ทัพไทยและแม่ทัพกัมพูชาเป็นผู้ลงนามโดยตรง ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความขัดแย้งถูกยกระดับเป็นเรื่องระดับประเทศ ไม่ใช่เพียงเรื่องการปะทะเฉพาะกลุ่มทหารหน้าใดหน้าหนึ่งอีกต่อไป   

                             กลไกเชิงเทคนิค  อาทิ  JBC, GBC, RBC ยังถูกเรียกใช้ต่อจาก Protocol เพื่อให้เกิดการติดตามในระยะยาว  

                   แม้กฎเหล่านี้จะมีเป้าหมายเพื่อหยุดความรุนแรง แต่ข้อถกเถียงเรื่องการละเมิดได้เกิดขึ้นทันทีหลังการหยุดยิง — เช่นข้อกล่าวหากัมพูชายิงต่อเนื่องแม้ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยกล่าวหาอย่างน้อย 3 ครั้ง   

                 ฝั่งกัมพูชาอ้างว่าไม่มีข้อมูลยืนยัน พร้อมเรียกร้องให้มี “กลไกตรวจสอบอิสระ” ตามข้อที่ 4–7 เพื่อให้การทำงานโปร่งใสและน่าเชื่อถือ   

                 บทบาทระดับนานาชาติและผลประโยชน์ร่วมติดตามมาอยู่ในสถานการณ์ครั้งนี้ด้วย กล่าวคือ

          มาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพไกล่เกลี่ย ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางและยืนยันว่าสถานการณ์จะได้รับการเจรจาต่อผ่านไทย–กัมพูชาอย่างเป็นระบบ   

      สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี Trump ใช้กลไกการค้ากดดันว่า หากความรุนแรงไม่ยุติ ภาษีนำเข้า 36% จะถูกบังคับใช้ แรงจูงใจด้านเศรษฐกิจนี้ช่วยให้ประเทศไทยและกัมพูชายอมรับ Protocol อย่างเร็วขึ้น   

     อาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซียและไทย ชี้ว่าควรเปิดโอกาสให้มีหน่วยงานในอาเซียน หรือ UN เข้ามาสังเกตการณ์เพื่อรับรองความถูกต้องของข้อตกลง   

                 นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศเห็นว่า การสู้รบ 5 วัน ครั้งนี้สมตามเจตนารมณ์ของกัมพูชา ที่แม้จะถูกมองว่าเป็นผู้จุดชนวนก่อเหตุ  ก็เพื่อให้พ้นจากสถานการณ์การเมืองภายในที่เลวร้ายให้คลี่คลายได้และมาเลเซียเป็นคนกลางหาทางลงให้                

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าสถานการณ์การเมืองง่อนแง่นจากผู้นำ แต่ความเข้มแข็งของกองทัพกลับผลักดันให้โดดเด่นในสายตาประชาคมโลกที่ยึดมั่นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยแก้ปัญหาตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังที่จะไม่ให้กระทบใด ความสัมพันธ์จนไม่อาจแก้ไขได้

                 กฎ 7 ข้อ Ceasefire Protocol  หลังการหยุดยิง นับเป็นก้าวสำคัญทางยุทธศาสตร์   ที่จะเปลี่ยนจากการปะทะสู่การเจรจาโครงสร้าง โดยใช้โครงสร้างความเชื่อมั่นผ่านคณะกรรมการร่วมและหน่วยงานอิสระที่จะได้ตรวจสอบ

          อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าความเปราะบางยังคงมีสูงเพราะอาศัยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจริงใจตามข้อตกลง และมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส  หากไม่อาจทำได้สถานการณ์อาจกลับสู่ความตึงเครียด

ข่าวล่าสุด

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภา ความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิป สนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภาความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิปสนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

 รู้ไหมว่า… อีกา “เข้าหามด” เวลาป่วย?

รู้ไหมว่า... อีกา "เข้าหามด" เวลาป่วย? แม้จะฟังดูประหลาด แต่นี่คือสัญชาตญาณอันชาญฉลาดของนกอีกา!

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงและคำมั่นต่อเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชายังคงถูกกล่าวหาว่าละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศต้องประท้วงเป็นครั้งที่ 4 ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พฤติกรรมเช่นนี้กำลังบั่นทอนความไว้วางใจ และอาจทำให้กัมพูชาเผชิญแรงกดดันรอบด้านจากประชาคมโลก

ข่าวอื่นๆ

 ปรากฏการณ์ “พระจันทร์เต็มดวง” สุดท้ายของฤดูร้อน ส่องสว่างเหนือเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2025 ท้องฟ้าเหนือกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจเมื่อ "พระจันทร์ปลากระเบน" (Sturgeon Moon) หรือพระจันทร์เต็มดวงสุดท้ายของฤดูร้อน ปรากฏอย่างงดงามเป็นเวลาสองคืนติดต่อกันในคืนวันศุกร์ที่ 8 และวันเสาร์ที่ 9 ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่พบได้ยาก

ทอ. บรรจุ “AT-6” จำนวน 8 ลำ เสริมเขี้ยวเล็บโจมตี-ลาดตระเวนชายแดน

วันที่ 2 สิงหาคม 2568 – กองทัพอากาศเตรียมจัดพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบ AT-6TH จำนวน 8 ลำ ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ณ...

ใกล้หมดยุคอ่านข่าวฟรี? ทิศทาง E-Newspaper หลังยักษ์ใหญ่”ไทยรัฐ”ขยับตัว

https://tja.or.th/view/booklet/1455208 ใกล้หมดยุคอ่านข่าวฟรี? ทิศทาง E-Newspaper หลังยักษ์ใหญ่”ไทยรัฐ”ขยับตัว