แสงแดดเอียงลู่ปลายอาคารคอนกรีตสีซีด อ่อนแสงโรยแรงไปทางสุดขอบตึกด้านโน้น
เขาลงจากรถกระบะเก่า มองผนังด้านข้างที่มีรอยร้าวทอดยาวเหมือนเส้นเลือดแข็งตายตามอายุของโกดัง แล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ที่เรียงรายด้วยอาคารเก่ารอรื้อ
ลูกน้องรี่ไปหยุดยืนตรงประตูเหล็กแผ่นหนาที่ปิดสนิท ริมประตูพ่นสีซีดอักษรบริษัทรับฝากสินค้าเก่าที่เพิ่งล้มละลาย
กลิ่นฝุ่นเก่าเข้าปากทุกครั้งที่หายใจ ความเงียบในลานกว้างนั้นหนักอึ้งเกินเหตุ เขามองลูกน้องที่ยกสมุดจดสัญญา ชี้ให้ดูรายการ “ปลดระบบไฟฟ้า,รื้อกล่องจ่ายไฟ,เตรียมเดินไฟใหม่”
งานธรรมดาที่เคยทำมาหลายครั้ง
แต่“เบื้องหลัง” ….เขายิ้มกับตัวเองที่กุมมันไว้
ที่นี่เคยมีเรื่องทุจริตโกงกัน มีหลักฐานที่ลูกน้องพบและเก็บไว้ มันสำคัญที่จะแปลงเป็นเงินได้มากทีเดียว
เสร็จงานหน้าฉาก…เขาจะตลุยเรียกเงินทันที….
คนเฝ้าโกดังแอบบอกแหล่งซุกของผิดกฎหมาย เขาเก็บงำไว้เพื่อรอเวลา …เท่านั้น
บอกลูกน้องให้รอที่รถ รอดูสถานการณ์รอบข้าง จะไว้ใจใครไม่ได้
เสร็จงานคราวนี้ มีรางวัลให้อย่างจุใจทีเดียว
เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ไว้ให้พร้อม หากต้องรื้อสายไฟฟ้าชุดแรกในบ่ายวันนี้ ก็จะได้จัดการตามแผนที่คุยกันไว้…
ไม่ต้องห่วงเขา ที่จะเข้าไปสำรวจหน้างานตามลำพังก่อน
เสียงบานพับเหล็กดังเอี๊ยดสนั่นในความเงียบขณะประตูเหล็กบานใหญ่ถูกงัดเปิดออก
กลิ่นอับชื้นของห้องใต้ดินตีกับกลิ่นฝุ่นเก่า ๆ จากผนังซีเมนต์ที่ผุพัง ไฟเพดานกระพริบเป็นจังหวะเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เดินย่ำข้างทางจนถึงทางเข้า เหลียวมองไปรอบ ๆ ฝุ่นหนาทึบจนแสบตา จึงดึงผ้าปิดจมูก สวมไฟฉายคาดหัว และตัดสินใจเดินเข้าประตูคนเดียว
พ้นธรณีประตู สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบที่เกาะตามต้นคอ เงาในโกดังทอดยาวจนเหมือนโพรงว่างไม่มีที่สิ้นสุด แสงไฟแผ่วที่ลอดจากรอยแตกผนังช่วยให้เห็นเพียงแนวลังไม้และท่อนเหล็กพิงกำแพง
ก้าวระวังทีละก้าว ลากสายไฟฉายคาดหัวให้ไม่พันกับแขนเสื้อ ไฟค่อยๆ ส่องไปถึงผนังชั้นใน ด้านขวามือมีบานประตูเหล็กอีกชั้น
คาดว่านั่นคงเป็นห้องควบคุมไฟ
เมื่อดึงที่จับประตูเหล็ก กลอนด้านในขยับด้วยเสียงแหลมแห้ง บานประตูค่อยๆ แง้มเผยห้องสี่เหลี่ยมแคบที่เต็มไปด้วยสายไฟพันยุ่งเหมืินจับขยุ้ม กล่องจ่ายไฟขนาดใหญ่ฝุ่นจับหนาหนักอยู่มุมห้อง
ลังเลชั่วครู่แล้วก้าวเข้าไป เสียงประตูปิดช้าๆ ตามแรงถ่วง เขาไม่ใส่ใจนัก เพราะตั้งใจจะรื้ออุปกรณ์ด้านหน้าที่เห็นให้เสร็จแล้วออกไปขนอุปกรณ์เครื่องมือกลับมาอีกครั้งพร้อมลูดน้อง
บรรยากาศในห้องแคบหนาแน่นราวกลิ่นสนิมกับร่องรอยอับชื้นสะสมมานานหลายปี เส้นสายไฟจำนวนมากห้อยระโยงระยางเหมือนร่างสัตว์ตาย หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยจากแรงประหม่าในที่คับแคบ
เหลีอบมองไปรอบ ๆ แล้วย่อเข่าลงตรวจกล่องไฟ มือไล่คลำหากลอนยึดเพื่อลองง้างฝาให้เปิด คลำนำทางไปทีละนิด….
แต่ปลายนิ้วกลับไปสะกิดสวิตช์ขนาดเท่าเหรียญที่ฝังอยู่บนแผงควบคุม
เสียงคลิกเบาๆ ดังในความเงียบ ก่อนไฟสีแดงดวงเล็กบนตัวกล่องติดขึ้นทันที
เขาผงะ…ขยับถอยหลังจนล้มกับพื้น….!!
แสงไฟนั้นกระพริบสองครั้ง ก่อนจอดิจิทัลตัวใหญ่เหนือกล่องแสดงตัวเลขสีแดงเข้ม
เขาตื่นตระหนกทันที…..!!
00:29:59 …..เวลาของนาฬิกาดิจิตอล
เสียงนับถอยหลังเริ่มขึ้นด้วยจังหวะสม่ำเสมอ
ลมหายใจเขาขาดห้วง เขายกมือปาดเหงื่อที่ผุดเต็มไรผม ความเย็นจากพื้นคอนกรีตเปลี่ยนเป็นความร้อนวูบจนแสบขมับ เขาจ้องตัวเลขที่เคลื่อนลดลงเหมือนถูกตอกย้ำว่ากำลังเผชิญกับอะไร
หรือมันอาจเป็นระเบิด…ที่ตั้งเวลาไว้….
เขาไม่รู้ว่าเป็นระเบิดชนิดไหน ไม่มีคำเตือน ไม่มีเอกสารใดติดไว้ มีเพียงเสียงกลไกนับวินาทีอย่างเย็นชา
ลุกขึ้นช้าๆ ขยับเท้าไปสำรวจด้านหลังกล่องไฟ พยายามหาวงจรสำรอง เขาจำใจต้องแก้ปัญหาโดยไม่รู้แน่ชัดว่าถูกต้องหรือไม่
00:28:45
มือทั้งสองเริ่มแยกสายไฟออกจากกัน สายแต่ละเส้นพันกันจนแยกไม่ออกว่าเชื่อมกับวงจรใด เขาหยิบไขควงกรีดฉนวนเบาๆ ลมหายใจขาดห้วงเป็นจังหวะ
00:25:32
ในความเงียบหนาหนัก เสียงกลไกนับถอยหลังทำให้หัวใจเขากระแทกอกเป็นจังหวะ
เมื่อปลอกฉนวนจนเห็นแกนทองแดง เขาหยิบมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟ ตัวเลขบนหน้าจอแสดงไฟยังจ่ายเต็ม หากตัดผิดเส้นเดียวอาจจบชีวิต
00:21:18
มือเขากดปลายคัตเตอร์ลงอย่างช้า สายไฟเส้นแรกถูกตัดในจังหวะเดียว
ไฟดิจิทัลยังคงนับถอยหลังต่อ
เสียงฝีเท้าเคลื่อนมาถึงประตูด้านนอก เขาเหลือบมองผ่านช่องลูกกรงหวังเห็นลูกน้อง แต่เงาที่โผล่มาคือร่างสูงในชุดคลุมสีเข้ม
เสียงฝีเท้านั้นหยุดชั่วครู่ ก่อนมีเงาวูบเหมือนยกบางสิ่งขึ้น
ใครตามมา….!
“โป้ง”
กระสุนแรกทะลวงช่องลูกกรง กระแทกกล่องไฟจนฝุ่นกระจาย
เขาทิ้งตัวลงกับพื้น แผ่นหลังแนบคอนกรีตขณะกระสุนอีกสองนัดเฉี่ยวผนัง เศษปูนร่วงกราวบนแขน
โป้ง…โป้ง
00:18:06
เสียงฝีเท้าเคลื่อนอ้อมห้อง เสียงฝุ่นถูกรองเท้าเหยียบแกร่งในความเงียบ
เขากัดฟัน คืบตัวไปอีกมุมหลบเงา ในใจสวดคำขออย่าให้กระสุนเจาะเข้ามาลึกกว่านี้
เสียงฝีเท้าห่างออกไปแล้ว ไฟบนจอดิจิทัลยังคงเคลื่อนลดลงอย่างระทึก
ใครตามมาล่าเขา….ลูกน้องเขาอยู่ไหน
00:15:01
เขาผละกลับไปที่กล่องไฟ ก้มลงใช้คัตเตอร์งัดสายไฟอีกเส้น ลมหายใจสั้นขาดเกินจะควบคุม
โป้ง..โป้ง…..
“.…ลูกพี่”
เสียงปืนลั่นอีกสองนัดจากด้านนอก เขาสะดุ้งจนเกือบตัดสายไฟพลาดคัตเตอร์ตกลงบนพื้น เสียงลูกน้องของเขาคงถูกยิงตายไปแล้ว
00:11:23
ก้มหยิบขึ้นมาถือไว้ แล้วประคองมือที่สั่นจนชา ตัดสายไฟเส้นต่อไป ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
00:08:45
เสียงฝีเท้าใหม่ดังขึ้นตรงประตู เงาร่างเคลื่อนในแสงไฟอ่อนเหมือนครั้งก่อน
คนร้ายคงไม่ลดราวาศอก ตามมาอีก หัวใจเต้นแรงจนแน่น-อก
พยายามฝืนมือจับมัลติมิเตอร์ มืออีกข้างประคองคัตเตอร์จนเกือบจะสี่นเทา
เหงื่อท่วมใบหน้าและแขน สองมือเปียกชุ่ม
เสียงโลหะฝืดลากพื้น บานประตูค่อยๆ ถูกงัดจากด้านนอก ใจอึกทึกเหมือนย่ำกลอง
00:03:09
หรือมือปืนกำลังตามมาล่าชีวิตเขาที่รู้เห็นการทุจริต
เสียงกระแทกประตูเหล็กจนโยกไหว และดูเหมือนจะพังทลายในไม่ช้า
00:02:00
มือสั่นระริกจับเครื่องมือ….
โป้ง……
00:01:15
เงยหน้าจากนอนแผ่ราบ ลุกขึ้นไปที่เสา
ประตูโยกสั่นคลอนและกำลังจะพังราบมาแล้ว
00:00:04
เขาขบฟัน หลับตา ตัดสายไฟเส้นสุดท้ายจนเสียงขาดดังแกร็ก
ไฟกระพริบเป็นจังหวะ พร้อมเสียงแหลม
00:00:00
ไฟดับสนิท…..!!
ทันใดนั้น….
เสียงระเบิดดังกึกก้อง…. ตูมมมม!!!
แรงสั่นสะเทือนสะท้านจนร่างของเขากระเด็นชนผนังแข็งอย่างแรง
ฝุ่นควันตลบหนา หูอื้อจนแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
เขานอนแผ่หงาย ชั่วขณะนั้นสับสนท่วมท้น
เงาหนึ่งโผล่เข้ามาทางประตูที่ถูกงัดเปิดออก
ลูกน้อง …ถือกระเป๋าเครื่องมือที่มีกลิ่นดินปืนคละคลุ้งเข้ามา
เขาลุกขึ้นอย่างลำบาก ถอนหายใจโล่งอก
อ้าปากกว้างตะโกนด้วยความดีใจ กระโดดขึ้นชูมือ
เขาทำสำเร็จจนทุกคนรอดชีวิต….!
เดินกระย่องกระแย่งตามลูกน้องออกไปอย่างทุลักทุเลด้วยความกระหยิ่ม
หยุดหน้าอาคารที่ควันยังคละคลุ้งฝุ่นตลบ ทำหน้าฉงน….
“ระเบิดจริงอยู่ตรงนี้ ผมหยุดมันเองครับ
ส่วนตรงลูกพี่… ไม่ใช่ !“