วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกปกิณกะ“เงินเฟ้อทางการแพทย์” กำลังทำให้ค่ารักษาแพงกว่าผ่อนบ้านทั้งหลัง

“เงินเฟ้อทางการแพทย์” กำลังทำให้ค่ารักษาแพงกว่าผ่อนบ้านทั้งหลัง

เผยแพร่

spot_img

ทุกวันนี้คนเราวางแผนเรื่องเงินแทบทุกอย่าง ไม่ว่าอาจจะผ่อนบ้าน 20 ปี ผ่อนรถ 7 ปี และต้องลงทุนเก็บเงินเกษียณระยะยาว แต่กลับไม่มีแผนรับมือเรื่อง สุขภาพ ที่อาจ “พังทั้งชีวิต” แค่ครั้งเดียว เพราะ “ค่ารักษาพยาบาล” ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นแค่ปีละนิดๆ แต่อยู่ภายใต้ เงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ที่โตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ซึ่งบอกเลยสูงกว่าเงินเฟ้อทั่วไปและรายได้หลายเท่า

แล้ว “เงินเฟ้อทางการแพทย์” (Medical Inflation) คืออะไร?

คือภาวะที่ ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราเฉลี่ย 8–10% ต่อปี ทั้งค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าห้อง หรือแม้แต่ค่าตรวจทั่วไปก็ปรับขึ้นตามต้นทุนของโรงพยาบาล เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำขึ้น และการใช้บุคลากรเฉพาะทางที่มีต้นทุนสูง เช่น ถ้าค่ารักษาวันนี้อยู่ที่ 100,000 บาท อีก 5 ปี อาจพุ่งไปแตะประมาณ 147,000–160,000 บาทได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่เตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า ค่าใช้จ่ายมหาศาลจากการรักษาอาจกลายเป็นภาระที่ต้องแบกรับคนเดียว

รู้ไหม? ค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรง พุ่งเกินล้านไปแล้ว!

ค่ารักษามะเร็งระยะลุกลาม : 800,000 – 2,000,000 บาท

ผ่าตัดหัวใจ/บายพาส : 500,000 – 1,200,000 บาท

ICU รพ.เอกชน : วันละ 30,000 – 60,000 บาท.

รวม 13 วิธีเตรียมตัว “ก่อนชีวิตจะสะดุด” จากเหตุไม่คาดฝัน

1. ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 1 ครั้ง : โรคร้ายอย่างมะเร็ง เบาหวาน หรือโรคหัวใจ มักไม่แสดงอาการในช่วงแรก หากเจอเร็ว รักษาได้ง่ายและถูกกว่ามาก

2. บันทึกสุขภาพตัวเอง : เช่น น้ำหนัก อาการผิดปกติ หรือโรคประจำตัว ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้รวดเร็ว และติดตามอาการได้แม่นยำขึ้น

3. ศึกษาประวัติโรคในครอบครัว : เพราะโรคบางชนิดเช่นมะเร็ง/หัวใจ/ซึมเศร้า มีความเสี่ยงจากพันธุกรรม

4. ตรวจฟันปีละ 1-2 ครั้ง : สุขภาพช่องปากส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม การละเลยฟันอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือหัวใจได้

5. วางแผนการกิน-การออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัย : โดยเฉพาะช่วงอายุ 30+ ที่ระบบเผาผลาญและกล้ามเนื้อเริ่มเสื่อมช้าลง ควรลดน้ำตาล เพิ่มโปรตีน และเสริมความแข็งแรง

6. อย่ามองข้ามอาการเล็กๆ น้อยๆ : เหนื่อยง่าย ใจสั่น เวียนหัว หรือผอมลงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคเรื้อรัง

7. มีเงินสำรองขั้นต่ำ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ : เพื่อรับมือเวลาป่วย หยุดงาน หรือรักษาที่ยังไม่เคลมได้

8. ทำบัญชีรายจ่าย และประเมินค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ : การเห็นภาพรวมของรายจ่ายจะช่วยให้วางแผนดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น

9. ทำประกันสุขภาพ + ประกันโรคร้ายแรง : ค่ารักษามะเร็งหรือโรคหัวใจอาจสูงหลักล้าน การมีประกันช่วยให้ไม่ต้องขายทรัพย์สินเพื่อรักษาตัว

10. อัปเดตทุนประกันให้ทันค่ารักษาปัจจุบัน : ทุนประกันที่ซื้อไว้หลายปีก่อน อาจไม่พอกับค่ารักษาที่พุ่งขึ้นจาก “เงินเฟ้อทางการแพทย์” ทุกปี

11. รู้สิทธิของตนเองในระบบสุขภาพ : ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม บัตรทอง หรือประกันเอกชน รู้ว่าใช้ที่ไหน อย่างไร จะช่วยลดความสับสนเวลาฉุกเฉิน

12. แจ้งญาติหรือคนไว้ใจให้เป็น “Contact ฉุกเฉิน” : และควรพกบัตรแสดงสิทธิการรักษา/โรคประจำตัว เผื่อกรณีหมดสติหรือพูดไม่ได้

13. มีสติ และกำลังใจเผื่อวันไม่คาดฝัน : สุขภาพจิตที่ดีคือพลังสำคัญในการฟื้นตัว และช่วยให้ตัดสินใจเรื่องการรักษาได้รอบคอบ

อย่าปล่อยให้ “เงินเฟ้อทางการแพทย์” ซัดชีวิตพังตอนป่วย แชร์โพสต์นี้ให้คนที่คุณห่วงใยได้เตรียมตัวทัน

ข้อมูลอ้างอิงจาก : Mercer Marsh Benefits – Medical Trends Report 2023 ,สมาคมประกันชีวิตไทย, โรงพยาบาลเอกชน ,efinance Thai

#Finstreet #เงินเฟ้อทางการแพทย์ #วางแผนสุขภาพ #ชีวิตไม่เป็นไปตามแผน

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

มีหนังสือออนไลน์ดีๆ มาแนะนำ

มีหนังสือออนไลน์ดีๆ มาแนะนำ.. เซฟเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้เลยเป็นความร่วมมือระหว่างกรมอนามัย และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก"กินเป็นไม่ป่วย ด้วยเมนูชูสุขภาพและสมุนไพรไทยถิ่น"

IQ ของคนไทยไม่เลวทีเดียวในอาเซียนและ ระดับโลก 

IQ ของคนไทยไม่เลวทีเดียวในอาเซียนและระดับโลก อันดับ IQ เฉลี่ยในอาเซียน (ข้อมูลปี 2025) 1. สิงคโปร์: 105.14 2. ไทย: 101.52 3. มาเลเซีย: 100.48 4. เวียดนาม: 100.12 5. บรูไน: 98.14