31 สิงหาคม 2568 นางสาวเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ #พรรคอนาคตใหม่ โพสต์แสดงจุดยืนเตือน #พรรคประชาชน และทีมก้าวหน้าว่า “อย่าสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทย” เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะ #ถูกหักหลัง เหมือนที่เคยเจ็บช้ำมาในอดีต
นส.เยาวลักษณ์ มองว่า การเลือกโอบอุ้มพรรคการเมืองใด ๆ เพื่อกันไม่ให้ขั้วเก่ากลับมา ไม่ต่างจากการเข้าไปซ่อมระบบที่บิดเบี้ยว ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ฝ่ายก้าวหน้าจะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกกลืน ถูกทำลาย และสูญเสียอุดมการณ์ที่เคยยืนหยัดมาตลอด
“การหนุนให้ อนุทิน หรือเพื่อไทย ไม่ได้ทำให้ระบบการเมืองยุติธรรมขึ้น แต่กลับตอกย้ำการเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้แพ้ …ฝ่ายก้าวหน้าและประชาชนเคยถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งสัญญาที่ไม่ทำจริง รวมถึงการยุบพรรคและการตัดสิทธิทางการเมือง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ไม่เข้าร่วม” เกมเดิม ไม่เล่นตามกติกาที่บิดเบี้ยวตั้งแต่แรก เพื่อยืนหยัดในหลักการให้ชัดเจน”
น.ส. เยาวลักษณ์ระบุว่า การปล่อยให้ระบบเดิมเดินไปเอง จะทำให้สังคมเห็นข้อเท็จจริงด้วยตาตนเองว่า นี่ไม่ใช่คำตอบของประเทศ ต่อให้ช่วย #พายเรือให้โจรนั่ง ก็ไม่มีวันถึงฝั่งที่ปลอดภัย
อีกฟากหนึ่ง พรรคประชาชน (ปชน.) โดยนาย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญวุฒิ หัวหน้าพรรค แถลงยืนยันว่า จะประชุม สส.ในวันที่ 1 กันยายน เพื่อมีมติว่าจะ “โหวตสนับสนุนขั้วใดในการจัดตั้งรัฐบาล” โดยตั้งเงื่อนไขชัดเจนว่า พรรคการเมืองที่ต้องการเสียง #ปชน. ต้องยอมรับ TOR #ยุบสภา ภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบาย
นายณัฐพงษ์ ปฏิเสธข่าวดีลลับทุกกรณี ระบุว่า #ภท. ได้เข้าพบและแสดงเจตจำนงต่อ ปชน.อย่างเป็นทางการแล้ว ส่วน #พรรคเพื่อไทย แม้มีข่าวว่าจะเจรจา แต่ยังไม่มีตัวแทนระดับผู้บริหารมาเข้าพูดคุยที่พรรค จึงไม่ถือว่าเป็นการรับข้อเสนออย่างเป็นทางการ
จากกระแสข่าวลือว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่ทราบในรายละเอียด ย้ำว่าพรรคประชาชนจะรับพิจารณาเฉพาะพรรคการเมือง ที่มาพูดคุยด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่รับการพูดคุยหลังบ้าน
“สิ่งที่ ปชน.ต้องการคือการผ่าทางตัน จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหม่ใน 4 เดือน”
โดยวานนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร จากนี้ก็จะประเมินความเป็นไปได้ในการจับมือทางการเมือง ขณะที่สถานการณ์ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน