เป็นทางเดินหน้า เพื่อชัยชนะสู่การเป็นรัฐบาลครั้งหน้า
เมื่อเวลา 10.05 น.วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุมใหม่ โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม โดยก่อนเริ่มประชุม แกนนำส.ส. และสมาชิกพรรค ได้ยืนสงบนิ่งแสดงความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเวลา 1 นาที
จากนั้น เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยที่ประชุมมีมติเลือกให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกรรมการบริหารพรรค 29 คน โดยนายจุลพันธ์ กล่าวภายหลังรับตำแหน่งว่า วันนี้ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ขอกราบขอบพระคุณที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับพวกเราในการเข้ามาขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย เป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุดของพวกตนที่ได้มีโอกาสเข้ามาปฎิบัติหน้าที่
ขอเรียนว่าตนอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่รุ่นพรรคไทยรักไทย ครึ่งชีวิตของตนมากกว่า 25 ปีที่ได้ทำงานในฝ่ายการเมืองร่วมกับพรรคนี้ เรามีความทรงจำมากมายที่ผ่านมาด้วยกัน ทั้งความสำเร็จ ทั้งอุปสรรค ไม่ใช่ถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน เราผ่านการต่อสู้ทางการเมืองทุกรูปแบบ ทั้งบนถนน ทั้งในสภาฯ แต่เรายังคงอยู่รอดมาได้
เราผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร เราผ่านในเรื่องการตัดสิทธิผู้บริหารพรรค นายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนหลายครั้ง เขาพยามปิดปากพวกเรา แต่พวกเรายังคงอยู่ เรายังคงสู้ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ส่งไม้ต่อเพื่อให้พรรคการเมืองเดินหน้านโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในวันแรกที่พวกเรามารวมกันในนามพรรคไทยรักไทยนั้น ขอเรียนว่า พวกเราไม่มีอะไรเลย เรามีแต่ความเชื่อ มีแต่ความหวังว่านโยบายที่ดีจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับชีวิตพี่น้องประชาชนได้ เราเป็นพรรคการเมืองแรกที่นำเสนอนโยบายที่กินได้ จับต้องได้ จนประชาชนให้การยอมรับ จิตวิญญาณนั้นยังคงอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทุกคน เรายังคงยึดมั่นในคำว่าหัวใจคือประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ภายนอกสื่อสารมาว่า พรรคเพื่อไทยต้องมีการเปลี่ยน ตนเห็นด้วย เพราะโลกเปลี่ยนทุกวันการเมืองไทยปรับเปลี่ยนตลอดเวลา พี่น้องประชาชนมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป วันนี้การยกเครื่องพรรคเพื่อไทย จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางที่จำเป็นที่ต้องเดิน ในฐานะพรรคการเมืองเราผ่านมาทั้งประสบการณ์ที่เป็นความประทับใจ เป็นความสำเร็จที่เราจะต้องจดจำ แต่แน่นอนว่าเราต้องผ่านบาดแผลที่ต้องเรียนรู้และหาทางแก้ไข เราแบกรับความหวังของพี่น้องประชาชน เราแบกความเชื่อมั่นของประชาชนที่เลือกเรามาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับสมาชิกพรรคมาโดยตลอด และเราจะยึดมั่นกับพี่น้องประชาชน เพื่อนำพานโยบายที่เป็นประโยชน์คืนสู่กลับไปให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า แนวทางของพรรคในวันนี้ เราพร้อมที่จะยกเครื่อง อย่างแรกเลยคือเรื่องของการสื่อสารกับประชาชนต้องรวดเร็ว และตรงถึงประชาชนอย่างทันท่วงที ในส่วนของผู้สมัคร เราจะคัดผู้สมัครเข้าสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ให้เป็นผู้สมัครซึ่งมีคุณภาพตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน ในส่วนของนโยบาย ต้องเป็นนโยบายที่ถูกใจ ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชนได้
“วันนี้เรากำลังเดินหน้าในภารกิจเหล่านั้นอยู่ นี่ไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย แต่ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมมีพวกเราทุกคนเป็นกำลัง เชื่อมั่นว่าเรามีประชาชนนับ 10 ล้านคนที่จะคอยเป็นกำลังผลักดันให้กับพรรคเพื่อไทยในการเดินหน้า ในการนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลในครั้งถัดไปให้ได้ ตนขอกำลังจากพวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจ ที่สำคัญที่สุดเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นในแนวทางที่เรายึดมั่น และเราจะนำพาและประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จและอนาคตที่สดใสต่อไป” นายจุลพันธ์ กล่าว



