1 กันยายน 2568 ที่ทำการ #พรรคประชาชน (ปชน.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน แถลงย้ำจุดยืนพรรคต่อสถานการณ์การเมืองว่า #ปชน. เรียกร้องให้มีการ #ยุบสภาฯ มาตั้งแต่วันแรกที่มี #คลิปเสียงสนทนาหลุด ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ #ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เพราะเห็นว่า #สภาชุดนี้หมดความชอบธรรม ไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่แก้ไขวิกฤตประเทศได้
นายพริษฐ์ กล่าวว่า #พรรคเพื่อไทย ไม่จำเป็นต้องรอการตัดสินใจของพรรคประชาชน หากต้องการยุบสภาฯ ดำเนินการได้ทันที เพราะอำนาจอยู่ในมือรักษาการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย โดยไม่ต้องผูกพันกับจุดยืนหรือมติของ ปชน.
“เราไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน การยุบสภาฯ คือทางออกที่ถูกต้องที่สุดตั้งแต่วันแรก เราเพียงแต่รอฟังเสียงประชาชนและ ส.ส.ในพื้นที่ เพื่อหาทางเลือกว่าจะใช้เสียง 140 กว่าเสียงอย่างไร หากต้องโหวตนายกฯ ที่เข้ามาเพื่อทำหน้าที่ยุบสภาฯ” นายพริษฐ์ กล่าว
สำหรับบรรยากาศประชุมมีความตึงเครียดและความคาดหวัง เมื่อ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานการประชุมร่วมกับ สส. และคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดท่าทีสำคัญต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ในการหารือ แลกเปลี่ยนมุมมองอย่างกว้างขวาง หลายฝ่ายเสนอให้พิจารณาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ว่าผู้นำคนต่อไป จะสามารถตอบสนองต่อวิกฤตการเมืองและความต้องการของประชาชนได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังมีเสียงสะท้อนจากบาง ส.ส. ที่ยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนแคนดิเดตใด ๆ เลย เพื่อรักษาหลักการของพรรค
ที่ประชุมยังหยิบยกประเด็น “เงื่อนไขของพรรคประชาชน” มาถกเถียง โดยมีข้อเสนอว่าหากพรรคการเมืองใดสามารถยอมรับและทำเป็นหนังสือข้อตกลงร่วมกัน ก็อาจเป็นทางออกที่นำไปสู่การลงคะแนนสนับสนุนจากพรรคประชาชน
โฆษกพรรค ปชน. ยังสะท้อนถึงบรรยากาศการประชุม #สส. ซึ่งเต็มไปด้วยความเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะ สส.แบบแบ่งเขต ที่กลับไปฟังเสียงประชาชน ต่างสะท้อนถึงความไม่มั่นใจต่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน หากเพื่อไทยต้องการยุบสภา ไม่จำเป็นต้องโยนความรับผิดชอบมาให้พรรคประชาชน
ในส่วนของ #แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนใหม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ที่ประชุมยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือ เพราะเป้าหมายหลักคือ การหาผู้ที่จะยุบสภาตามเงื่อนไข 3 ข้อของพรรค มิใช่การสนับสนุนตัวบุคคลให้เป็นนายกฯ ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การถกเถียงภายในพรรคประชาชนยังคงดำเนินต่อไป โดยไม่มีการกำหนดกรอบเวลาแน่ชัดว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด แต่โฆษกพรรคยอมรับว่า ความเห็นและแรงกดดันจากประชาชนจะเป็นตัวเร่งให้การตัดสินใจเกิดขึ้นก่อนกำหนดการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 กันยายนนี้