25/10/2568
นับเป็นความวิปโยคครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างความโศกเศร้าอาดูรแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน เมื่อสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์แจ้งข่าว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเมื่อวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21.00 นาฬิกา 21 นาที ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยมาอย่างยาวนาน ทรงเป็นพระมิ่งขวัญที่ประทับเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ในการทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรทั่วราชอาณาจักร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ปวงชนชาวไทยต่างน้อมเกล้าฯ ถวายความอาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัยครั้งนี้
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร) กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร (สนิทวงศ์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2475 ทรงได้รับการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ ก่อนจะอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 และได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ในปีเดียวกัน
ต่อมาเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จออกผนวชในปี พ.ศ. 2499 พระองค์ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ทรงดำรงพระอิสริยยศในฐานะพระบรมราชินีและพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ทรงติดตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง นำมาสู่การริเริ่มโครงการตามพระราชดำริมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้แก่ราษฎร โดยเฉพาะด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น การทอผ้าไหมไทย การจักสาน ซึ่งได้ช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล
นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ การศึกษา การสาธารณสุข และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงเป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งและอุปถัมภ์องค์กรการกุศลต่างๆ อาทิ มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อดูแลทหาร ตำรวจ และพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อปกป้องประเทศชาติ
ด้วยพระวิริยอุตสาหะและพระเมตตาคุณอันเปี่ยมล้น ทำให้ทรงได้รับทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลและปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากสถาบันต่างๆ ทั่วโลก เป็นการสดุดีพระเกียรติคุณในฐานะที่ทรงเป็นบุคคลดีเด่นด้านมนุษยธรรมและการอนุรักษ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สำนักพระราชวังจัดการพระศพถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี โดยจะประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป
การสูญเสียครั้งนี้ยังความวิปโยคและอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อปวงชนชาวไทย ซึ่งต่างน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรและแผ่นดินไทยมาตลอดพระชนมชีพ จะยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำและหัวใจของคนไทยสืบไปชั่วนิรันดร์



