ทุกวันนี้คนเราวางแผนเรื่องเงินแทบทุกอย่าง ไม่ว่าอาจจะผ่อนบ้าน 20 ปี ผ่อนรถ 7 ปี และต้องลงทุนเก็บเงินเกษียณระยะยาว แต่กลับไม่มีแผนรับมือเรื่อง สุขภาพ ที่อาจ “พังทั้งชีวิต” แค่ครั้งเดียว เพราะ “ค่ารักษาพยาบาล” ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นแค่ปีละนิดๆ แต่อยู่ภายใต้ เงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ที่โตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ซึ่งบอกเลยสูงกว่าเงินเฟ้อทั่วไปและรายได้หลายเท่า
แล้ว “เงินเฟ้อทางการแพทย์” (Medical Inflation) คืออะไร?
คือภาวะที่ ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราเฉลี่ย 8–10% ต่อปี ทั้งค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าห้อง หรือแม้แต่ค่าตรวจทั่วไปก็ปรับขึ้นตามต้นทุนของโรงพยาบาล เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำขึ้น และการใช้บุคลากรเฉพาะทางที่มีต้นทุนสูง เช่น ถ้าค่ารักษาวันนี้อยู่ที่ 100,000 บาท อีก 5 ปี อาจพุ่งไปแตะประมาณ 147,000–160,000 บาทได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่เตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า ค่าใช้จ่ายมหาศาลจากการรักษาอาจกลายเป็นภาระที่ต้องแบกรับคนเดียว
รู้ไหม? ค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรง พุ่งเกินล้านไปแล้ว!
ค่ารักษามะเร็งระยะลุกลาม : 800,000 – 2,000,000 บาท
ผ่าตัดหัวใจ/บายพาส : 500,000 – 1,200,000 บาท
ICU รพ.เอกชน : วันละ 30,000 – 60,000 บาท.
รวม 13 วิธีเตรียมตัว “ก่อนชีวิตจะสะดุด” จากเหตุไม่คาดฝัน
1. ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 1 ครั้ง : โรคร้ายอย่างมะเร็ง เบาหวาน หรือโรคหัวใจ มักไม่แสดงอาการในช่วงแรก หากเจอเร็ว รักษาได้ง่ายและถูกกว่ามาก
2. บันทึกสุขภาพตัวเอง : เช่น น้ำหนัก อาการผิดปกติ หรือโรคประจำตัว ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้รวดเร็ว และติดตามอาการได้แม่นยำขึ้น
3. ศึกษาประวัติโรคในครอบครัว : เพราะโรคบางชนิดเช่นมะเร็ง/หัวใจ/ซึมเศร้า มีความเสี่ยงจากพันธุกรรม
4. ตรวจฟันปีละ 1-2 ครั้ง : สุขภาพช่องปากส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม การละเลยฟันอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือหัวใจได้
5. วางแผนการกิน-การออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัย : โดยเฉพาะช่วงอายุ 30+ ที่ระบบเผาผลาญและกล้ามเนื้อเริ่มเสื่อมช้าลง ควรลดน้ำตาล เพิ่มโปรตีน และเสริมความแข็งแรง
6. อย่ามองข้ามอาการเล็กๆ น้อยๆ : เหนื่อยง่าย ใจสั่น เวียนหัว หรือผอมลงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคเรื้อรัง
7. มีเงินสำรองขั้นต่ำ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ : เพื่อรับมือเวลาป่วย หยุดงาน หรือรักษาที่ยังไม่เคลมได้
8. ทำบัญชีรายจ่าย และประเมินค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ : การเห็นภาพรวมของรายจ่ายจะช่วยให้วางแผนดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น
9. ทำประกันสุขภาพ + ประกันโรคร้ายแรง : ค่ารักษามะเร็งหรือโรคหัวใจอาจสูงหลักล้าน การมีประกันช่วยให้ไม่ต้องขายทรัพย์สินเพื่อรักษาตัว
10. อัปเดตทุนประกันให้ทันค่ารักษาปัจจุบัน : ทุนประกันที่ซื้อไว้หลายปีก่อน อาจไม่พอกับค่ารักษาที่พุ่งขึ้นจาก “เงินเฟ้อทางการแพทย์” ทุกปี
11. รู้สิทธิของตนเองในระบบสุขภาพ : ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม บัตรทอง หรือประกันเอกชน รู้ว่าใช้ที่ไหน อย่างไร จะช่วยลดความสับสนเวลาฉุกเฉิน
12. แจ้งญาติหรือคนไว้ใจให้เป็น “Contact ฉุกเฉิน” : และควรพกบัตรแสดงสิทธิการรักษา/โรคประจำตัว เผื่อกรณีหมดสติหรือพูดไม่ได้
13. มีสติ และกำลังใจเผื่อวันไม่คาดฝัน : สุขภาพจิตที่ดีคือพลังสำคัญในการฟื้นตัว และช่วยให้ตัดสินใจเรื่องการรักษาได้รอบคอบ
อย่าปล่อยให้ “เงินเฟ้อทางการแพทย์” ซัดชีวิตพังตอนป่วย แชร์โพสต์นี้ให้คนที่คุณห่วงใยได้เตรียมตัวทัน
ข้อมูลอ้างอิงจาก : Mercer Marsh Benefits – Medical Trends Report 2023 ,สมาคมประกันชีวิตไทย, โรงพยาบาลเอกชน ,efinance Thai
#Finstreet #เงินเฟ้อทางการแพทย์ #วางแผนสุขภาพ #ชีวิตไม่เป็นไปตามแผน