นักวิชาการและภาคประชาชน ชี้รายงาน EHIA แลนด์บริดจ์ “ไม่ชอบมาพากล” หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง กำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนักจากนักวิชาการและภาคประชาชน โดยระบุว่ารายงานดังกล่าวมี “ข้อบกพร่องร้ายแรง” หลายประการ และขาดความชอบธรรมในการนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจโครงการขนาดใหญ่

การตั้งข้อสังเกตครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 โดยมีนักวิชาการและนักสิ่งแวดล้อมรวม 74 คน ร่วมกันร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เจ้าของโครงการ เพื่อขอให้ ยุติเวทีรับฟังความเห็นครั้งที่ 3 ทันที และให้ทบทวนการศึกษา EHIA ใหม่ทั้งหมด
ในจดหมายเปิดผนึกและหนังสือคัดค้านจากเครือข่ายรักษ์ระนอง ได้ระบุข้อบกพร่องที่ชัดเจนหลายประการ โดยเฉพาะประเด็นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ดังนี้:
- ขอบเขตการศึกษาแคบเกินไป: รายงานกำหนดรัศมีศึกษาผลกระทบเพียง 5 กิโลเมตร ทำให้พื้นที่สำคัญอย่าง “เกาะพยาม” ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างมาก กลับไม่ได้รับการศึกษาอย่างครบถ้วน
- เมินมรดกโลก: ไม่มีการประเมินผลกระทบต่อพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการเสนอขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 4 ของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมป่าชายเลนและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
- ความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ: ข้อมูลความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการขัดแย้งกับผลการศึกษาเดิมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ระบุว่า “ไม่คุ้มค่า” และรายงานฉบับนี้กลับไม่มีการทบทวนประเด็นนี้แต่อย่างใด
- ไร้การประเมินภัยพิบัติ: รายงานขาดการศึกษาเรื่องภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ เช่น สึนามิ พายุ และแผ่นดินไหว รวมถึงอุบัติเหตุจากการเดินเรือที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน
- ไม่สนใจวิถีชีวิตชาวเล: ไม่มีการประเมินผลกระทบต่อ กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลมอแกน กว่า 400 คน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ทำให้ไม่เห็นภาพว่าโครงการจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพวกเขาอย่างไร
- ไม่เห็นภาพรวมโครงการ: รายงาน EHIA มุ่งเน้นการศึกษาแยกเป็นส่วนๆ ของท่าเรือ แต่กลับขาดการศึกษาภาพรวมของโครงการแลนด์บริดจ์ทั้งหมด ทั้งท่าเรือ 2 ฝั่ง รถไฟ และมอเตอร์เวย์ ทำให้ไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เชื่อมโยงกันได้อย่างแท้จริง
- การมีส่วนร่วมที่ไม่โปร่งใส: กระบวนการรับฟังความคิดเห็นถูกตั้งข้อสังเกตว่า จำกัดเฉพาะกลุ่มบุคคล ไม่เปิดกว้างให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมอย่างแท้จริง และใช้เวลาเพียง 45 นาทีต่อครั้ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการแสดงความคิดเห็นที่ครอบคลุม
นักวิชาการระบุว่า ข้อบกพร่องเหล่านี้ทำให้รายงาน EHIA ขาดความน่าเชื่อถือทางวิชาการและไม่สามารถสะท้อนความจริงได้ จึงไม่ควรถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการรับฟังความเห็น หรือใช้ประกอบการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับโครงการนี้
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการพัฒนาจังหวัดชุมพรและระนองในมิติอื่นที่ยั่งยืนกว่า เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น แทนการเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตผู้คนในพื้นที่.

เครือข่ายภาคประชาชนใต้ บุกเวที ค.3 ท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง – ท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว ซัดประเมิน EHIA ไร้ความชอบธรรม เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ไม่ควรถูกนำมาจัดรับฟังความเห็น ชี้ ศึกษาไม่ครอบคลุม โครงการถมทะเล สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศอย่างหนัก วอนรัฐบาลพัฒนาพื้นที่ชุมพร ระนอง ตามศักยภาพ เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ผ่านมา กลุ่มชาวบ้านได้จัดกิจกรรมเดินรณรงค์คัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์-พ.ร.บ. SEC เพื่อคัดค้านเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 เพื่อทบทวนร่างรายงานฉบับสมบูรณ์การประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อมเเละสุขภาพ (EHIA) ของโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกเเหลมริ่ว จังหวัดชุมพรในวันที่ 5 สิงหาคม 2568
พร้อมยื่นหนังสือกับหน่วยงานต่างๆที่ เพราะเห็นว่า โครงการแลนด์บริดจ์และระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) เป็นเครื่องมือที่กำลังจะแย่งยึดสิทธิชุมชน สิทธิของทะเล ผืนป่า อากาศ สายน้ำไปจากชุมชน

สุดท้ายแล้วบทสรุปของโครงการจะเป็นอย่างไร ผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มจะทำลายธรรมชาติที่ประเมิณค่าไม่ได้ ทำลายวิถีชีวิตของชุมชน คำตอบคงต้องให้ทุกคนช่วยกันคิด