วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเมืองไทยวันนี้ผู้พิพากษาศาลฎีกาเปิดศึก! เรียกร้องเลิกหลักสูตร "บ.ย.ส."  

ผู้พิพากษาศาลฎีกาเปิดศึก! เรียกร้องเลิกหลักสูตร “บ.ย.ส.”  

เผยแพร่

spot_img

ผู้พิพากษา 2 คน ทำบันทึกถึง ปธ.ศาลฎีกา เรียกร้องให้ “เลิก” หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และห้ามผู้พิพากษาไปเรียน วปอ. ป.ป.ร. วตท. หรือหลักสูตรที่ยื่นในลักษณะเดียวกัน เนื่องจาก “ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน อาจนำไปสู่การผิดวินัยของผู้พิพากษา ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ การเลือกปฏิบัติในสังคม ใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า และทำให้ความเชื่อถือต่อศาลยุติธรรมลดลง”

“บ.ย.ส.” คืออะไร ทำไมถึงต้องเป็นเรื่องใหญ่? หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง 

นอกจากจะรับเฉพาะข้าราชการแล้วยังให้เลือกที่จะเชิญชวนบุคคลใดก็ได้ให้เข้ารับการอบรมในหลักสูตร เช่น ข้าราชการตุลาการ ศาลยุติธรรม ตุลาการปกครอง การอัยการ การเมือง เอกชน แม้กระทั่งสื่อมวลชน ทำให้ข้าราชการระดับสูงได้พบเจอกับผู้บริหาร CEO ของบริษัทเอกชนที่มาเรียนด้วยกัน ทั้งกินเที่ยวดื่มด้วยกัน 

โดยเฉพาะพวกเหล่านายทุนขนาดใหญ่ก็เข้ามามีส่วนร่วมในหลักสูตรมากเกินไป เพราะการเข้ามานั้นเพื่อเพียงจะมาเลี้ยงดูปูเสื่ออำนวยความสะดวกให้เหล่าข้าราชการเท่านั้น และการทำแบบนี้ก็ทำให้เกิดความสนิทสนมและเกิดการเอื้อประโยชน์ให้กันในภายหลัง

ความจริงที่คนเห็น : มาสร้างสายสัมพันธ์ รู้จักกัน แลกนามบัตร = “มาต่อคอนเนกชั่น”

ปัญหาใหญ่: เมื่อผู้พิพากษาไปรู้จักกับคนที่อาจมาเป็นคู่ความวันหลัง การรู้จักกันในวงแคบทำให้เกิดการช่วยเหลือกันแบบลับๆ วงในมีพื้นที่พิเศษ วงนอกเข้าไม่ได้ ทำให้ความน่าเชื่อถือของศาลลดลง

เอาเงินภาษีไปเรียน แต่ไม่รู้ผลยังไง?

หลักสูตรนักบริหาร สามารถเลือกเชิญบุคคลใดก็ได้เข้าร่วม ทำให้ข้าราชการระดับสูงได้พบ CEO บริษัทเอกชน นายทุนขนาดใหญ่ กินเที่ยวดื่มด้วยกัน เลี้ยงดูปูเสื่อ สนิทสนมและเอื้อประโยชน์กันได้ในภายหลัง

ข้อมูลที่น่าตกใจ:

ประเทศไทยมีหลักสูตรนักบริหารระดับสูง มากกว่า 39 หลักสูตร

20 กระทรวง เปิดหลักสูตรไปแล้ว กว่า 29 หลักสูตร

องค์กรอิสระ (กสทช./ป.ป.ช.) 4 หลักสูตร

สถาบันพระปกเกล้า 3 หลักสูตร

ศาล 3 หลักสูตร (รวมหลักสูตร บ.ย.ส.)

แต่ยังไม่มีหลักประเมินใดๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าคนที่เรียนจบจะทำงานตอบโจทย์ประชาชนได้ดีขึ้นจริง

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงยังคงมีความจำเป็น 

เพราะถ้าคำว่า “หลักสูตรอบรม” คือเครื่องมือพัฒนาศักยภาพจริง เราควรจะได้เห็นผู้บริหารที่จบออกมาแล้วเก่งขึ้นและทำงานได้ดีขึ้นพร้อมเข้าใจประชาชนมากขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีหลักการไหนที่มาประเมินที่ชี้ให้เห็นว่าเหล่าข้าราชการที่เรียนจบหลักสูตรนี้มาจะทำงานได้ตอบโจทย์กับประชาชนได้จริง แต่ในทางกลับกันกลับเห็นแต่ภาพคนใหญ่คนโตมารวมตัวกันเพื่อสร้างคอนเนกชั่นแล้วต่างก็แยกย้ายไปพร้อมกับการสานสัมพันธ์ที่ต่อยอดผลประโยชน์ส่วนตัว!

อยากให้ประชาชนช่วยกันแสดงความเห็น – ตั้งคำถาม – เรียกร้องความโปร่งใส – จับตาการใช้เงินและเปิดเผยข้อมูล เพราะเงินเหล่านี้ ล้วนเป็นภาษีของเรา

#ACT #องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน 

#หลักสูตรบยส.

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ลิซ่า’ ทูตการท่องเที่ยว ตั้งเป้ารายได้เข้าไทยแสนล้าน ครม.เล็งออกแพคเกจกระตุ้น

ประเทศไทยเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ด้วยการแต่งตั้ง ลิซ่า ลลิษา มโนบาล เป็น อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แอมบาสเดอร์ หวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5-10 ล้านคน สร้างรายได้ 2.5-5 แสนล้านบาทในปี 256

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย เป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน คนใหม่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นั้น ต่อมา นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากลาออก เป็นเหตุให้ตำแหน่งว่างลง

มหาดไทยเสนอโยกย้าย“รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวง”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะนำเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยในตำแหน่ง “รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย” ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ