ฝนเทกระหน่ำตลอดคืน น้ำไหลเป็นลำยาวตามร่องถนน พื้นลื่นเป็นมัน
เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาและพื้นถนนดังไม่สม่ำเสมอ
ชายหนุ่มส่งของวัยยี่สิบ ผมยาวสะพายกล่องเดินลัดซอยแคบที่เต็มไปด้วยกลิ่นขยะเหม็นฉุนกลับห้องพักเหมือนทุกคืน
ฝนซาเม็ดกลับมีหมอกหนา เพ่งมองข้างหน้า
เหมือนร่างชายชรา…กำลังลอยเข้าไปในกลุ่มควัน สองมือไขว่าคว้าตาจ้องมาอย่างวิงวอน….
ร่างค่อย ๆ ซึมแทรกไปในหมอก ฝน และแสงไฟสะท้อนบนพื้นน้ำ ทุกเสียงก้องสะท้อนเหมือนอยู่ในห้องกว้างที่ว่างเปล่า
ชายชราพยายามร้อง ชี้มาที่พื้นที่แสงสว่างเรืองรอง… ว่าเป็นเจ้าของสิ่งนั้น
เขามองตาม …รองเท้าคู่หนึ่ง…วางอยู่ข้างถังขยะเก่าใต้ชายคา เปียกฝนจนชุ่มแต่สายรัดกลับส่องแสงทองจาง ๆ เหมือนมีชีวิต หัวใจเขาเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ
เขาก้มลงสัมผัสพื้นรองเท้า น้ำฝนซึมเข้าไปด้านใน แต่สิ่งที่ทำให้มือสั่นคือ น้ำหนักราวกับมีพลังบางอย่างดึงดูดเขา
หยิบขึ้นมาถือ เทน้ำฝนชุ่มฉ่ำลงพื้น พลิกกลับไปมา แม้จะเก่า..แต่อยากได้ !
เขายิ้มมุมปากอย่างสงสัย
หันไปทางชายชรา….ที่หายไปในม่านหมอก….
กระซิบกับตัวเองด้วยเสียงสั่น
“รองเท้าคู่นี้… ใส่ได้อยู่แล้ว !“
เขาสวมรองเท้า ทันทีที่ฝ่าเท้าแตะพื้นด้านใน โลกเหมือนบิดหมุนรอบตัวเอง เสียงฝีเท้าตัวเองดังสะท้อนซ้ำ ๆ ผสมกับเสียงน้ำไหลจากท่อระบายน้ำและกลิ่นดินทำให้หัวใจเต้นรัว
ขยับตัวไปมา หันซ้ายขวา ยกเท้าเหยียดไปข้างหน้า ตวัดมาข้างหลัง
มันพลิ้วเหมือนโบกโบยพัดให้ลมกระพือผ่าน
เขาก้าวไปข้างหน้า มันค่อนข้าบหนักอึ้ง แล้วดบาสบายเหมือนไม่ได้สวมใส่ ขยับต่อเหมือนมีแรงดึงบางอย่างพาไปข้างหน้า
รองเท้าเหมือนสั่งเขาให้เดิน และทุกก้าวเต็มไปด้วยความลึกลับ
พลันภาพเปลี่ยนไป ลมกระพือแรง อากาศแปรเปลี่ยนจากมืดมัวกลับสดใส
รอบตัวเขาเกิดสิ่งที่เกินจริง ราวกับทองและแก้วแหวนวาววับปรากฏขึ้นบนพื้นรอบเท้า เพียงแค่เดิน รองเท้าพาเขาเก็บสมบัติที่วางอยู่เฉย ๆ ให้เข้ามือ เขารู้สึกถึงพลังเหนือธรรมชาติที่สะสมอยู่ในรองเท้า
ทุกฝีก้าวยิ่งทำให้โลกหมุนวน สั่นสะเทือน และมีกลิ่นของโลหะ เย็นเยียบ
เหมือนเป็นรองเท้ามหัศจรรย์ ที่ได้เคยอ่านในหนังสือ
แต่ในขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ดังมาจากมุมมืดของซอย ใบหน้าและเงาผ่านไฟสลัวทำให้เขาสะดุ้ง แต่เมื่อเขาเหลือบมองรองเท้าที่สวมอยู่ มันเหมือนกระซิบเบา ๆ ว่า อย่าหยุด… ให้ก้าวต่อไป
ฝ่าเท้าเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ แรงดึงจากรองเท้าพาเขาไม่ให้หยุด ความกลัวและความตื่นเต้นผสมปนเป เขาเริ่มรู้ตัวว่าพลังของรองเท้านี้ ไม่ได้มีไว้ให้ใครเป็นเจ้าของง่าย ๆ

ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ
ฝนซาลงเป็นละออง แต่พื้นซอยยังลื่นและเต็มไปด้วยเศษไม้ เศษขยะ กลิ่นควันและผืนดินปะปนกัน เด็กหนุ่มก้าวต่อด้วยฝีเท้าที่ไม่แน่นอน ทุกก้าวที่รองเท้าสัมผัสพื้น รู้สึกเหมือนมีแรงดึงบางอย่างผลักเขาไปข้างหน้า พร้อมกับ ประกายวาววับของทองคำและแก้วแหวนลอยวนรอบเท้า
เขามองลงตรงพื้น เพียงแค่ก้าวเดียวก็สามารถเก็บสมบัติที่ลอยขึ้นมาในอากาศเข้ามือได้ รู้สึกถึงพลังรองเท้าที่เกินจินตนาการ น้ำเย็นซึมเข้ารองเท้าแต่กลับไม่ทำให้ปวดหรือขัดขวางแรงดึง
สายเลือดเขาเต้นแรง ความตื่นเต้นผสมกลัว ความอยากครอบครองพลังนี้ ดึงเขาเข้าสู่โลกที่เหนือธรรมชาติแต่สมเหตุสมผล
ซอยมืดเต็มไปด้วยเงาที่ไม่ชัดเจน เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ก้องสะท้อนตามกำแพง ฝีเท้าเขาดังก้องหลายจังหวะ คล้ายโลกทั้งใบสะท้อนทุกการเคลื่อนไหว ทุกครั้งที่เขาหยุด รองเท้าจะสั่นเบา ๆ ราวกับเตือนว่า อย่าหยุด… พลังจะหายไป
ความสยองเพิ่มขึ้น เมื่อคนแปลกหน้าปรากฏเป็นเงาเลือนลาง เขาพยายามไม่สนใจ แต่รองเท้าดึงเขาไปยังมุมซอยที่ไม่คุ้น เสียงจักจั่นและเสียงน้ำจากท่อระบายน้ำผสมกันเป็นจังหวะสับสน ทำให้หัวใจแทบระเบิด สติของเขาเริ่มพร่าเลือน โลกภายนอกและโลกที่รองเท้าสร้างขึ้น เริ่มผสมกัน
ทันใดนั้น เขาพบว่าพลังของรองเท้าไม่ได้หยุดแค่เงินทอง ทุกสิ่งที่เขาแตะถูกแปรสภาพเป็นสมบัติชั่วคราว แม้แต่เศษขยะ เศษไม้ หรือฝนที่กระทบพื้นก็ล้วนเป็นประกายแวววาว เขารู้สึกทั้งหลงใหลและหวาดกลัว พยายามควบคุมพลัง แต่ทุกก้าวทำให้ สมบัติเพิ่มขึ้นราวกับมีชีวิต
แต่ความตื่นเต้นไม่ทันได้ยืดหยุ่น เสียงฝีเท้าของใครดังใกล้เข้ามา แผ่ว ๆ แต่มั่นคง
เงาเข้มขนาดใหญ่ปรากฏจากมุมมืด ใบหน้าครึ่งมืดครึ่งสว่าง สายตาจ้องรองเท้า จนเขารู้สึกใจสั่น พยายามเบี่ยงตัว แต่รองเท้ากลับดึงเขาไปข้างหน้าเหมือนกำหนดเส้นทางให้
เขาเริ่มตระหนักว่า พลังของรองเท้าไม่ได้มีไว้สำหรับใครง่าย ๆ ความหวาดกลัวเริ่มปะปนกับความโลภและความตื่นเต้น ทุกก้าวเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของหัวใจตัวเอง น้ำฝนซึมเข้าร่าง ทำให้เขาหนาวสั่น แต่ก็ไม่อาจปล่อยรองเท้าให้หลุดจากเท้าไปได้
มันเรียกเขาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ฝนเริ่มซาลง แต่ลมยังพัดแรง เศษไม้ เศษขยะ และเศษกระดาษลอยอยู่เต็มซอย เขาก้าวต่อด้วยใจเต้นรัว รองเท้าเหมือนกำหนดเส้นทางให้เขาไปข้างหน้า ทุกก้าวที่ลงพื้น เสียงสะท้อนของฝีเท้าตัวเองดังประสานกับเสียงน้ำหยดจากท่อระบายน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือน โลกกำลังบีบเขาเข้าไปในความมืด

ทองคำก้อนเล็ก ๆ และเหรียญเงินที่สะสมรอบเท้า เริ่มเพิ่มปริมาณตามจังหวะการก้าว เขามองมันด้วยความโลภ แต่ความตื่นเต้นก็ผสมความกลัว
รู้สึกว่าใครบางคนอาจจับตาดูสิ่งที่เขาได้มาอยู่ เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ จากมุมมืดก้องสะท้อนรอบตัวจนสะดุ้ง แต่ฝ่าเท้ายังคงถูกรองเท้าดึงไปข้างหน้าไม่ให้หยุด
ทันใดนั้น เงาเข้มขนาดใหญ่ปรากฏจากปลายซอย ชายฉกรรจ์ตัวสูงยืนอยู่ครึ่งมืดครึ่งสว่าง ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หมวกฝน หนวดเคราเปียกน้ำฝน กระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าจนกระแทกเขาล้มลง รองเท้าข้างหนึ่งกระเด็น
เขาพลิกตัวไขว่คว้า แต่ถูกกระแทกอีกครั้ง จนชายร่างสูงใหญ่นั้นฉวยรองเท้าไปทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มรวบตัวไว้ได้จนล้มไปด้วยกัน
คราวนี้ชายหนุ่มลุกขึ้นได้ก่อน แย่งรองเท้ากลับคืนมาได้ วิ่งกลับไปอีกทางจนหายไปในกลุ่มควันทึบ
เหมือนแรงของรองเท้าดึงเขาไปข้างหน้า แม้จะมีใครตามมาอย่างกระชั้น
พลันท้องฟ้ากลับมืดมิดอีกครั้ง
เขาหยุดท่ามกลางเมฆหมอกรอบด้าน เสียงคำรามมาจากรอบทิศ
พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับโกรธทุกอย่างที่ขวางข้างหน้า
เสียงหัวเราะและเสียงหอบดังรอบตัว น้ำฝนเข้าตา เขาแทบมองไม่เห็นทาง ทุกอย่างพร่าเลือนเหมือนหมอกหนา
ชายฉกรรจ์คนใหม่ยืนจังก้าขวางข้างหน้า
แล้วรี่เข้าหาชายหนุ่มทันที แม้จะหลบหลีกก็ไม่พ้น
ทั้งสองรี่เข้าหาต่อสู้เหมือนโกรธเคืองกันมานานจนชายหนุ่มเพลี่ยงพล้ำล้มระเนน
ชายฉกรรจ์จ้องเขม็ง ฉวยโอกาสสำคัญ
คว้ารองเท้าที่กระเด็น มาสวมเท้าไว้ทันที
ยิ้มหัวเราะเหมือนมีชัยชนะ ขณะชายหนุ่มสายตาพร่าพรายตัวเบาหวิวเหมือนล่องลอย
ร่างค่อย ๆ ซึมแทรกไปในหมอก ฝน และแสงไฟสะท้อนบนพื้นน้ำ ทุกเสียงก้องสะท้อนเหมือนอยู่ในห้องกว้างที่ว่างเปล่า
เขาพยายามร้อง แต่เสียงตะโกนไม่ออก สายตาพร่ามัวยิ่งขึ้น
สองมือพยายามไขว่คว้ารองเท้าตรงพื้น แต่เหมือนยิ่งห่าง หรือรองเท้าของเขากำลังจะจากไป
ชายฉกรรจ์ยืนจังก้า ยิ้มมุมปาก หันมาทางเขา ก่อนจะส่งเสียงดัง
“รองเท้าคู่นี้… ใส่ได้อยู่แล้ว !“