วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้น“เมือง…ถอยเวลา”

“เมือง…ถอยเวลา”

เผยแพร่

spot_img

หมอกเย็นปกคลุมถนนลูกรังจนแทบไม่เห็นขอบฟ้า

                          ชายหนุ่มลากกระเป๋าเดินเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อบนแผนที่

                          กลิ่นดินเปียกและใบไม้หมักคลุ้งเข้าจมูก

เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาเป็นจังหวะเบา ๆ คล้ายเรียกให้เขาเดินต่อ

                         มือเขาสัมผัสผนังบ้านไม้เย็นชื้น มีตะไคร่น้ำเกาะ

ลมพัดเอาเสียงใบไม้กระทบหน้าต่างดัง ซู่…ซู่…

                        ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

                       ป้ายสนิมเอียงคดตั้งอยู่ข้างถนน มีตัวอักษรเลือนลางจนแทบอ่านไม่ออก

                       บ้านไม้เก่าปิดหน้าต่างสนิท ไม่มีแม้เงาของคนผ่านทาง

                       เขาเดินช้า ๆ แต่ละก้าวดังก้อง กรอบ…กรอบ… บนพื้นหินเปียก

                     “เมืองอะไรเงียบขนาดนี้…” พึมพำเบา ๆ

                       ความหนาวสะท้านขึ้นตามกระดูกสันหลัง

                       ในใจเริ่มรู้สึกว่าเวลาที่นี่ไม่เหมือนโลกภายนอก

         ครุ่นคิดชั่วครู่   แล้วตัดสินใจ เลือกที่พักตรงนี้

                       บ้านไม้เก่า มีกลิ่นสนชื้นและฝุ่นเก่าเหมือนให้คนจรเช่าพักแรม

                        ทรุดตัวลงบนเตียงเก่าฝุ่นกระจายจนเป็นม่านควัน

                        เสียงนาฬิกาลูกตุ้มดัง ตึ้ง… ตึ้ง… ช้า ๆ

ความแปลกใจ ทำให้เขาเดินกลับลงไปข้างล่าง

พบเจ้าของบ้านนั่งเงียบ ๆ ข้างเตาไฟ

                      แสงไฟสาดลงบนใบหน้าเก่าแก่ของชายชรา

                      ผมเผ้าขาวโพลนเงยขึ้นบางเส้น รอยย่นลึกตามหน้าผากและรอบดวงตา

                      มือสั่นเล็กน้อย ขณะถือถ้วยชาเก่า

                     ดวงตาเต็มไปด้วยความสงบและเหน็ดเหนื่อย

            ชายชรามองมองหน้าหนุ่มน้อย  แววตาไม่หวาดกลัว แต่เปล่งประกายความรู้สึกลึกลับ

                     “ดูท่าทางคุณเหงา ๆ”  

ชายหนุ่มทำความรู้จัก

         “ฉันเป็นเจ้าของบ้าน และดูแลเมืองนี้   

           และรอ…วันนั้น“

                     ”วันนั้น…วันนั้นคืออะไร“  

ชายหนุ่มจ้องหน้าลุงด้วยความแปลกใจ

                    “มันใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วล่ะ …ทุกคนกำลังรอรับชะตากรรม”

                   ”นี่…เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ ทุกคนดู…เด็กลงนะ“  เขาถามด้วยความแปลกใจ

                   “เวลา…เวลามันกำลังถอยหลัง… นาฬิกาโลกกำหนดให้เมืองนี้ต้องถอยหลัง

                     แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน… ใครอยู่ในเมืองนี้ จะไม่สามารถแก้ไขเวลาได้อีก 

                …คุณกลับไปนอนเถอะ“

         หนุ่มถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ ด้วยความไม่เข้าใจ

                    เช้าวันรุ่งขึ้น   เห็นชายชราดูหนุ่มขึ้น

                  “นี่……ลุง..ลุงคนเมื่อวานใช่ไหม  หนุ่มขึ้นได้ยังไง“

                   “เวลาของฉันถอยหลังอย่างรวดเร็ว… ฉันไม่สามารถหยุดมันเองได้… คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน และในที่สุด  ฉันจะหายไปจากโลกนี้“

                  “ผม…ผมไม่เข้าใจเลย…!”

                    ชายชราในร่างคนหนุ่มเดินผละไป 

                     เขาพยักหน้า แต่อากาศหนาวและความมืดทำให้หัวใจเขาสั่น

                    ไม่แน่ใจว่าชายผู้นี้คือผู้เฝ้าเมืองหรือเพียงเงาของอดีต

                    กลับเข้าห้อง ตาเริ่มหนัก  หลับไปโดยไม่ทันรู้ตัวของคืนแรก

                   เช้าวันที่สอง  เขาเดินสำรวจตลาด  เสียงรองเท้ากระทบกรวดดัง กรอบแกรบ   ผู้คนเริ่มเด็กลงจริง ๆ

                   คนขายผักวัยสี่สิบเมื่อวาน  วันนี้ดูเหมือนสาวยี่สิบ

กลุ่มเด็กโตเมื่อวานนี้….

                   เช้านี้  กลับกลายเป็นเด็ก ๆ ตัวเล็กลงจนต้องวิ่งเอื่อย ๆ

กลิ่นขนมปังอบร้อน ผสมผสานกับกลิ่นผักสดและดินเปียก

ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินอยู่ในภาพฝัน

                   หันไปเห็นสาวผมดำยาว ร่างสูงโปร่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว อายุไล่เลี่ยกันกับเขา

                   ครั้นยกกล้องถ่าย   แต่ภาพพร่าเหมือนฟิล์มไหม้

                 ”อย่าถ่าย จะทำให้มันแย่ลง”    

เสียงหญิงสาวเสียงดังด้วยความตกใจ

                “เวลาของเมืองนี้กำลังเดินถอยหลัง… เราทุกคนกำลังย้อนวัย” 

                   เธอพูด แววตาเปลี่ยนเล็กน้อยเหมือนกลัวตัวเองจะหายไป

                 “ฉันเหลือเวลาน้อย ไม่กี่วันก่อนจะหายไป” 

เธอกระซิบเสียงเบา

                          เธอบอกให้เขาหนี ก่อนพระจันทร์เต็มดวงจะขึ้น

                “เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้”

                “ทุกคนที่นี่…กำลังถอยวัย เวลาถอยหลัง“

                ”แล้วคุณล่ะ….“  

                 หญิงสาวถอนหายใจ  เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม  เสียงสั่นเครือ

               “ถ้าเมืองยังไม่หยุด… อีกไม่นานฉันก็อาจสูญหายเหมือนคนอื่น… แต่บางอย่างบอกฉันว่า…

                 ต้องรอคนแปลกหน้า…คนต่างถิ่น“

                          เธอก้มมองตัวเอง เริ่มเห็นร่างของเธอเปลี่ยนทีละนิด จากสาววัยกลางคนกลับมาสวยสดใส

                        “ฉันเหลือเวลาไม่กี่วัน…ก่อนจะหายไปจากโลกนี้” เธอกระซิบ

                   ลมหายใจของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อยในอากาศหนาว

เขาพยายามสังเกตร่างกายเธอ  ผิวเรียบเนียน ดวงตาเปล่งประกาย

                   แต่เขารู้สึกถึงแรงดึงเวลาที่ค่อย ๆ เปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัว

                   ทุกเที่ยงคืน เวลาเริ่มไหลถอย

                  เสียงนาฬิกา ตึ้ง… ตึ้ง… ตึ้ง รัวเหมือนหัวใจยักษ์

                  เขาเริ่มรู้สึกตัวเบา แรงน้อยลง ผิวหน้ากระชับเหมือนวัยยี่สิบ

       จากชายหนุ่ม  กำลังจะจะถอยกลับไปเป็นวัยรุ่น

       เขานึกขึ้นได้….

       ถ้าถอยกลับลงไปเรื่อย ๆ  เขาคงเป็นเด็กในไม่ช้า

                หัวใจเต้นแรงเหมือนทำนองกลองไล่ความตื่นเต้นและความกลัว

              วันนี้…พบหญิงสาวที่ตลาด เธอดีใจโผเข้าหาน้ำตานองหน้าเหมือนวิงวอน

                         หญิงสาวดึงแขนพาเขาออกไปนอกหมู่บ้านที่ไร้ผู้คน

เขาอิดออด หวาดกลัว 

                         เธอดึงดันจนเขาต้องเดินตามอย่างทุลักทุเลจนถึงหน้าอุโมงค์ใต้ดิน  

                        กลิ่นสนิมและฝุ่นควันตีจมูกจนจามเบา ๆ

                        มองไปข้างในเห็นเครื่องจักรใหญ่เท่าห้องส่องแสงสีน้ำเงิน

            สายไฟพันกันเหมือนงูเหล็กและมีประกายไฟวิบวับ

                        ทั้งสองเหนื่อยหอบหยุดหน้าใกล้ชายเขาที่เป็นป่ารก

              หญิงสาวพาเขาเข้าไปในอุโมงค์ลึกเข้าไปด้านในทางเอียงลงใต้ดิน

กลิ่นสนิมและฝุ่นควันตีจมูก

                          มีโลหะไขว้กันไปมาเหมือนเครื่องจักรใหญ่เท่าห้องส่องแสงสีน้ำเงิน

                       “นี่คือหัวใจของเมือง”    เธอพูด

                       “เครื่องนี้ควบคุมเวลา ถอยหลังเพื่อรักษาโรคร้ายของคนในเมือง”

                        เสียงเครื่องจักรดัง ฮือ…ฮือ… ราวหัวใจยักษ์เต้นย้อน

                     “ตราบใดที่มันไม่ปิด… ทุกคนจะย้อนวัยหมด”

                       เขามองดวงตาเธอ แววตาเต็มไปด้วยความกลัวและหวัง

                      เขาเข้าใจทันทีว่าต้องตัดสินใจเอง

  ”คนในเมืองนี้… ไม่อาจแตะเครื่องจักรได้อีกแล้ว… ต้องเป็นคนจากภายนอกเท่านั้น”

                “แล้วถ้าพลาด“

                ”อายุก็อาจจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วจนแก่-แล้วตาย หรือถอยหลังจนเป็นทารก แล้วหายไปจากโลก“

              “แล้วผมจะทำอย่างไร”

        หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะตอบ

               “ฉัน…ไม่รู้…แต่ฉันเชื่อคุณ”

    “ผมกลัว…กลัวว่าผมจะพังทุกอย่าง”

              “…ฟังฉัน…ถ้าคุณไม่ทำ…ทุกคนจะย้อนวัยหมด…และเรา…จะหายไป”

                      มองดวงตาเธอ แววตาเต็มไปด้วยความกลัวและหวัง

                     จนเขาเข้าใจทันทีว่าต้องตัดสินใจเอง

                              ชายหนุ่มถอนหายใจ  อีกไม่ช้า..เขาก็จะกลายเป็นเด็กไปด้วย

        และในที่สุด …ก็หายไปจากโลกนี้เหมือนกับคนอื่น ๆ

                     ก้าวย่างอย่างมั่นใจเข้าไปจับสวิท  หันกลับมาหาหญิงสาวที่เหมือนรอด้วยความหวัง

                     แสงสว่างแรงพุ่งขึ้น กลิ่นไฟไหม้จากสายไฟเก่าตีจมูก

                     เครื่องจักรส่งแรงดันเวลาสูงขึ้น เขารู้สึกร่างกายร้อนผ่าว

                  สองคนยืนหน้าสวิตช์เครื่องจักร แสงสีน้ำเงินจากเครื่องสาดเข้าตา

                 แต่ทันใดนั้น…!

                ไฟดับสนิท  เครื่องจักรเริ่มสั่นแรงขึ้น    สายไฟพันกันเหมือนงูเหล็กกระตุกเป็นจังหวะ

                 เสียง ระเบิดไฟฟ้า ดังโครม! กลิ่นไหม้ควันไฟลอยเข้าจมูก

                 ลมแรงพัดราวกับอุโมงค์กำลังพังลง

                 หญิงสาวเสียงสั่น

    “ …เราจะรอดไหม…?”

               ”ฉันไม่รู้…แต่เราต้องทำให้ได้…”

                  แผ่นโลหะบนพื้นกระเด็นชนผนัง   เครื่องจักรสั่นจน แรงดันไฟฟ้ากระชากมาถึงมือจนเกือบถูกไฟฟ้าช็อต แต่ก้าวข้ามแรงกดดันนั้นไป

                “เร็ว! หนีกันไหม..ก่อนที่มันจะ…ระเบิด!”

                “ฉัน…จะกด…ต้องกดให้ได้…” ชายหนุ่มตะโกน

                   แรงสั่นสะเทือนทำให้โลกรอบตัวเหมือน เคลื่อนช้าและสั่นไหว

                    ทันใดนั้น… เครื่องจักรหยุดสั่น

                    แสงสีน้ำเงินสาดออกมาอีกครั้ง  

เครื่องหยุดทำงาน   เมืองหยุดนิ่ง 

          อายุทุกคนหยุดกับที่…!

กาลเวลา…จะเดินไปตามธรรมดาโลก

เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของคนเมืองเล็ก ๆ ต่างพากันวิ่งมาทางนี้แล้ว 

         เสียงหัวเราะเด็กและเสียงโห่ร้องของชาวเมืองดังก้อง

                    ร่างของเธอหยุดอายุที่วัยสาวงดงาม  ผิวพรรณขาวใส ดวงตาสดใส ใบหน้าเรียวคม

                    เธอรีบคว้าแขนเขา  ซึ่งเหมือนวีรบุรุษของเมืองนี้ 

แล้วชูมือไปรอบทิศ  เหมือนนักกีฬาที่ชนะเลิศ

                   ทั้งสองกระโดดรับเสียงโห่ร้องที่กำลังกรูทางเข้าอุโมงค์

                    กลุ่มเด็กเฮเข้ามารายล้อม   หนุ่มสาวจับกลุ่มเต้นไปมา    

                    ชายหนุ่มชูสองมือขึ้นสูง  ก้าวออกไปยืนด้านหน้าโดดเด่น  โบกมือไปมา แล้วยิ้มรอบวงของคนที่มารายล้อม

                    หันไปทุกทิศทางอย่างมั่นใจ

                   หญิงสาวหันไปคว้าแขน โผเข้ากอดด้วยน้ำตาเต็มเบ้า แล้วจ้องหน้าเขาด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด โผเข้ากอดด้วยน้ำตาเต็มเบ้า เมื่อได้ยินเสียงเขาสั่นเครือ

                  “ผมดีใจที่หยุดความทุกข์ให้ทุกคนได้ !“

                    พลางก้มมองความเหี่ยวย่นของร่างกายตัวเองที่กำลังเปลี่ยนเป็นชายชรา

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924)

“เรื่องสั้น” เมื่อฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924) อายุได้ 40 ปี เขายังไม่เคยแต่งงานและไม่มีบุตร วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่กรุงเบอร์ลิน และบังเอิญพบกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ เพราะเธอทำ “ตุ๊กตาตัวโปรด” หาย

“รองเท้า..คู่นี้ !”

เรื่องสั้น “รองเท้า..คู่นี้ !” ฝนเทกระหน่ำตลอดคืน น้ำไหลเป็นลำยาวตามร่องถนน พื้นลื่นเป็นมัน เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาและพื้นถนนดังไม่สม่ำเสมอ ชายหนุ่มส่งของวัยยี่สิบ ผมยาวสะพายกล่องเดินลัดซอยแคบที่เต็มไปด้วยกลิ่นขยะเหม็นฉุนกลับห้องพักเหมือนทุกคืน ฝนซาเม็ดกลับมีหมอกหนา เพ่งมองข้างหน้า เหมือนร่างชายชรา…กำลังลอยเข้าไปในกลุ่มควัน สองมือไขว่าคว้าตาจ้องมาอย่างวิงวอน….

เรื่องเล่าจากมุมมืด

เรื่องสั้น ขอเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟังครับ เรื่องเล่าจากมุมมืด มันเป็นอีกวันหนึ่งวัน ที่ผมเศร้าใจ.... ใครมีลูกมีหลาน ควรอ่านเรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์.