วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้นเรื่องสั้น “นาฬิกา…มรณะ” 

เรื่องสั้น “นาฬิกา…มรณะ” 

เผยแพร่

spot_img

                                 เขาแหงนมองนาฬิกาบนหอคอยแล้วรีบหลบตาลงต่ำเหมือนกลัวบางสิ่งบางอย่าง

                                 ปาดเหงื่อที่ไหลเยิ้มใบหน้าจากความร้อนแดดยามบ่ายไม่หนักหนาเท่า…เท่ากับความเร่าร้อนจากสิ่งลี้ลับข้างหน้า

              เหลียวมองรอบตัวยความหวาดหวั่น

              ความตาย..เกิดขึ้นได้ทุกวัน !!

                                 ตรงนี้…!!

               สิบหกนาฬิกาสี่สิบห้านาที  

                                16.45 นาฬิกา

                                 แหงนมองนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ติดบนหอคอยเก่าคร่ำคร่าของอาคารโบสถ์เก่าที่แปรสภาพเป็นตึกร้างและพังทลายไปบางส่วนแล้ว

                                 ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นระเกะระกะชอนไชตึกร้างจนแตกระแหงและพังไปหลายแถบ

              แม้ตะวันคล้อยไปมากแล้ว แต่แสงแดดยังแผดกล้าจนเหงื่อโทรมทั่วกายเสื้อเปียกชุ่มขึ้นมาอีก

             เขาจะต้องจัดการให้เสร็จก่อนเวลานั้นจะมาถึง

             มันถึงเวลาแห่งความตาย….!

              ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาป่ารอบด้านที่ยังสงบเงียบไร้ผู้คน     ออกแรงลากเชือกป่านเส้นหนาม้วนใหญ่ไปตามพื้นรกอย่างทุลักทุเล

              มันหนักอึ้งจนไม่อาจยกขึ้นพาดบ่าได้

                                 มือป้องแสงแดดแหงนมองนาฬิกาแล้วก้มมองเชือกเก่า ๆ ม้วนนี้ ที่แอบเอามาจากคอกเลี้ยงวัวใกล้หมู่บ้าน

               หัวเราะในลำคอว่าถ้าเจ้าของเชือกตามมาเจอ  เขาก็จะต้องถูกจับที่ลักข้าวของผู้อื่นก่อนจะทำงานสำเร็จก็ได้…

              ชายหนุ่มปล่อยสายเชือกป่าน แล้วชูมือกระแทกแหวกอากาศไปข้างหน้าว่าเขายอมติดคุกก็ได้ ถ้าหากว่ามันได้ใช้ประโยชน์ช่วยชีวิตคนเคราะห์ร้ายไว้ให้ได้ก่อน 

              ให้รอดพ้นจากนาฬิกาแห่งความตาย…!!

                         ก้มตัวลงต่ำลากม้วนเชือกไปตามพื้นทางด้านข้างของตึกร้าง จ้องนาฬิกาบนหอคอยเขม็ง…!!

                         เขาประมาณเอาว่า เส้นผ่าศูนย์กลางของนาฬิกาเกือบ 1 เมตรทีเดียว  

                        มี 2 เข็ม ทำด้วยโลหะค่อนข้างกนา เป็นเข้มสั้นและเข็มยาว  ติดอยู่ในกึ่งแกนกลางของนาฬิกา ฝังอยู่ในอาคารคอนกรีตเป็นหอคอยสูงจากพื้นประมาณ 15 เมตร   เชื่อมไว้กับด้านหน้าของตึกร้างเพียงด้านเดียว

                         นาฬิกานี้คงขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ติดตั้งในอาคารนี้เช่นกัน

                       ที่สำคัญมันยังใช้การเดินได้เป็นปกติ…!

                       และฆ่ามนุษย์…เมื่อเวลา 16.45 นาฬิกา

        เขาขยับเชือกป่านม้วนใหญ่ให้กระชับเป็นกลุ่ม  มันมีความยาวมากเพียงพอที่จะโยนขึ้นไปให้สูง ….

                      โยนขึ้นไปให้สูงด้วยแรงเหวี่ยง ….

        และต้องแม่นยำให้คล้องเข็มยาวของนาฬิกาให้ได้

                     และต้องคล้องปลายเข็มให้ได้ 

        แล้วโหนให้เข็มนาฬิกาไม่กระดิกขึ้นด้วยการขับเคลื่อนของเครื่องจักร

                     เขายังไม่มั่นใจว่าว่าเรี่ยวแรงของเขาจะต้านทานแรงของเครื่องจักรได้…

                       นึกถึงหลายวันที่ผ่านมา …เขาเห็นกับตา !!

                       แปลกประหลาดและน่าสพรึงกลัวมาก..เสียงนาฬิกาดังกังวาลทั่งบริเวณตึกร้างเมื่อเวลา 16.45 น.

                       มีควันพวยพุ่งด้านหน้าของหอคอย ม้วนตัวเหมือนพายุที่พัดรุนแรง     และตรงนั้น     กระหน่ำสองคนโชคร้ายที่อยู่ใกล้หายเข้าไปในกลุ่มควัน

                       ครั้นพายุจางหาย    แม้จะมีการติดตามจ้าละหวั่นก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด

                      และสองคนเคราะห์ร้ายหายไปกับควันพวยพุ่ง

                      มีเสียงเอะอะ …ข้างหน้า !

        เขาปล่อยปลายเชือก  นอนราบกับพื้นป่า หันไปทางเสียง  จำได้ว่าเป็นเจ้าคอกวัวถือมีดด้ามยาวเดินมาทางตึกร้าง  คงติดตามหาเชือก   เขาหลบศีรษะต่ำลงแนบพุ่มไม้   ใจระทึกสับสน แต่เขาคงไม่ยอมที่จะคืนให้จนกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปก่อน

                      โล่งอกที่เดินไปทางอื่นแล้ว…!

                      ค่อย ๆ ลุกขึ้น วื่งเหยาะไปอีกด้านแล้ววกกลับไปตรงฐานของหอคอย วางม้วนเชือกแล้วคลำรอบ ๆ ผนังคอนกรีตที่ผุกร่อนแทบทั้งนั้น

                       ถ้าเขาปีนขึ้นไป มันอาจตกลงมาตายก่อนงานจะสำเร็จก็ได้

                       หยิบท่อนไม้เขื่อง ๆ เคาะพื้นผนังตึกไปเรื่อย ๆ มีหลายซอกที่คอนกรีตผุกร่อนพอจะเป็นช่องให้เท้าเหยียบแล้วเหนี่ยวตัวขึ้นไปได้

            แหงนมองนาฬิกาข้างบน หัวใจเต้นแรงมือไม้สั่นระริก

            16.40 น.   เหลือเวลาอีก 5 นาที

                      เสียงดังของนาฬิกามากับควันพวยพุ่ง มันหยิบยื่นความตายให้มนุษย์ที่โชคร้ายอีกแล้ว…

                      สามวันที่ผ่านมา คนโชคร้ายตายสามคน จนเล่าลือกันไปทั่วราวป่าและหมู่บ้านใกล้เคียง

                      แม้ข่าวคราวจะเป็นที่ขยาดหวาดหวั่น  แต่ยังมีคนจรเดินผ่านมาบริเวณจนได้

                       ความตาย…ใกล้แค่เอื้อม !!

             ยกเชือกป่านหนักอึ้งขึ้นบ่าจนลู่เกือบล้ม  แข็งใจเดินขาสั่นระริกไปด้านหลังกำแพงเก่า  แล้วล้มคะมำบาดเจ็บร้องโอดโอย

                     กิ่งไม้เกี่ยวแขนและขาจนมีบาดแผลเลือดไหลชุ่มเสื้อ

แข็งใจก้าวขาเหยียบชะง่อนคอนกรีตที่ผุกร่อนแล้วดึงตัวไปเกาะต้นไม้ที่ไชชอนมาตามซอกตึก

                    โล่งอกที่ขึ้นมาได้ ..!!

                        ใช้เท้าระพื้นไปทั่วบริเวณจนเกือบคะมำอีกครั้งที่คอนกรีตเก่าร่วงพรูลงพื้น  มือที่เหนี่ยวต้นไม้ไว้เกร็งแน่นจนหายใจไม่เป็นส่ำ

                        แหงนมองหน้าปัทม์นาฬิกาด้านบน ถอนหายใจแรงที่คาดผิดว่าจะโยนเชือกป่านให้คล้องเข็มยาวของนาฬิกาได้

                        มันไม่มีที่ยืนเพียงพอที่จะทรงตัวแล้วเหวี่ยงเชือกขึ้นไปคล้องเข็มนาฬิกา

                        มันไม่มีความแม่นยำแน่ ที่จะโยนเชือกให้คล้อง

                       ใจเต้นแรง…!!

           16.42 น.  ความตายคืบคลานเข้ามาใกล้  !!

                         มันคงไม่ใช่คนอื่นที่เข้ามาในบริเวณนี้หรอกที่ถึงแก่ความตาย

          เขานี่แหละ…ที่จะเป็นเหยื่อคนแรก !!

                        เสียงดังเอะอะของเจ้าของคอกวัวอยู่อีกด้าน คงเรียกพรรคพวกมาช่วยตามหาก็ได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้งานของเขาสำเร็จก่อนเถิด

          แต่..ถ้าอีกสักครู่เดินมาทางนี้แล้วเห็นเขา ก็อาจตายก่อนนาฬิกามรณะจะสังหารมนุษย์ก็ได้

         เท้าเหยียบชะง่อนคอนกรีต เหนี่ยวตัวขึ้นไปได้อีก  โชคดีมีพื้นขรุุขระหักกร่อนพอให้ยืนขยับตัวได้

        ปลดเชือกจากบ่า  คลี่ปมให้คลายเป็นเส้นยาว ผูกปมปลายเชือกเป็นเงื่อนให้กระตุกเมื่อเชือกไปคล้องเข็มนาฬิกาแล้วใช้แรงดึง

                       มีคนเดินมาทางนี้หลายคน…. และตามหลังมาอีก 2 กลุ่ม 

        นาทึข้างหน้าคงมาถึงบริเวณนี้…!!

                      มนุษย์โชคร้ายกำลังเป็นเหยื่อเดินมาบนเส้นทางแห่งความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

                      เขาเผลอตัวตะโกนเสียงดัง….จนแสบคอ….อย่าเข้ามา  อย่าเข้ามา

                      มันเป็นเสียงดังอยู่ในลำคอที่ไม่ได้เล็ดรอดออกมาแม้อต่น้อย…!!

                      เขาขยับยืนบนพื้นแคบ ๆ ให้ทรงตัวได้ แหงนมองนาฬิกา 

        จับเชือกใกล้บ่วงแล้วค่อย ๆ แกว่งช้า ๆ ไปจนเร็วขึ้น  ใจระทึก      บ่วงเชือกเร็วขึ้น..เร็วขึ้น !

                      แหงนมองเข็มยาวของนาฬืกา  แล้วเหวี่ยงออกไปทันที

                     16.44 น.

                     บ่วงคล้องปลายเข็มยาวของนาฬิกาทันที…!!

        สองมือชุ่มเหมือนราดน้ำ เหงื่อเต็มใบหน้า  

       ตวัดจับเชือกไว้แน่น   สูดลมเข้าปอดตัดสินใจกระโดดลงไปข้างล่างทันที จนร่างกระแทกพื้น

                    เชือกป่านดึงเข็มโลหะ…!!

                    เข็มยาวของนาฬิกา หยุดกับที่ …..

 16.44 น.

        มันดึงเข็มไว้ไม่ให้ขยับขึ้นอีกแล้ว…!

                    ชโย ยยย…!!

        เจ้าของคอกวัวดีใจชูมือวิ่งเข้ามาสมทบพร้อมคนหลายคน

                   ชายหนุ่มลุกขึ้น ยกสองมือชูกำปั้นที่ทำได้สำเร็จ 

                    เชือกหลุดจากเข็มนาฬิกาทีนที

       เข็มกระดกกลับขึ้นไปอีกครั้ง …!!

                    ชี้เวลา 16.45 น.

                     ควันพวยพุ่ง เกิดพายุหมุนรุนแรง  เจ้าของคอกวัวกอดม้วนเชือก   มือไขว่คว้าอากาศ ตะโกนเรียกชายหนุ่มที่หน้าบิดเบี้ยว กำลังหายเข้าไปในกลุ่มควันหนาทึบข้างหน้า

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924)

“เรื่องสั้น” เมื่อฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924) อายุได้ 40 ปี เขายังไม่เคยแต่งงานและไม่มีบุตร วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่กรุงเบอร์ลิน และบังเอิญพบกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ เพราะเธอทำ “ตุ๊กตาตัวโปรด” หาย

“รองเท้า..คู่นี้ !”

เรื่องสั้น “รองเท้า..คู่นี้ !” ฝนเทกระหน่ำตลอดคืน น้ำไหลเป็นลำยาวตามร่องถนน พื้นลื่นเป็นมัน เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาและพื้นถนนดังไม่สม่ำเสมอ ชายหนุ่มส่งของวัยยี่สิบ ผมยาวสะพายกล่องเดินลัดซอยแคบที่เต็มไปด้วยกลิ่นขยะเหม็นฉุนกลับห้องพักเหมือนทุกคืน ฝนซาเม็ดกลับมีหมอกหนา เพ่งมองข้างหน้า เหมือนร่างชายชรา…กำลังลอยเข้าไปในกลุ่มควัน สองมือไขว่าคว้าตาจ้องมาอย่างวิงวอน….

เรื่องเล่าจากมุมมืด

เรื่องสั้น ขอเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟังครับ เรื่องเล่าจากมุมมืด มันเป็นอีกวันหนึ่งวัน ที่ผมเศร้าใจ.... ใครมีลูกมีหลาน ควรอ่านเรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์.