วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้นเรื่องสั้น        “แผนฆ่า..มาเฟีย”

เรื่องสั้น        “แผนฆ่า..มาเฟีย”

เผยแพร่

spot_img

  โกดังร้างกลางท่าเรือเงียบงัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่ตกจากท่อสนิมดังก้องสะท้อนทั่วห้อง 

                               แสงไฟนีออนเก่าเพียงดวงเดียวห้อยโยกเหนือโต๊ะเหล็กกลมผุกร่อน เผยให้เห็นแผนที่ถนนที่ถูกคลี่กางอยู่กลางโต๊ะ 

                              ขอบกระดาษยับย่นเหมือนผ่านการขยำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

                                กลิ่นสนิมคลุ้งปนควันบุหรี่จนบรรยากาศหนาแน่นราวกับหมอกที่กดทับให้หายใจติดขัด 

                                สี่คนกึ่งล้อมรอบโต๊ะ  กระดาษแผนที่ถูกคลี่กาง ขอบยับย่นแทบจะฉีกขาด วงปากกาสีแดงตรงสี่แยกกลางแผนที่สะดุดตาเหมือนเลือดสด ๆ หยดลงบนกระดาษ

                                 ฝ่ามือหนักตบลงบนโต๊ะจนสั่นสะเทือน เสียงทุ้มต่ำเปล่งชัด

                “คืนนี้… ทุกอย่างต้องสิ้นสุด ทุกคนเข้าใจไหม”

ดวงตาเขาคมกริบใต้คิ้วหนาข่มทุกคู่สายตาให้ก้มต่ำโดยไม่ต้องตะโกน

       เสียงเงียบงันไปครู่ใหญ่ ก่อนลูกพี่จะพูดชัดถ้อยชัดคำ

                            ”ทุกคนรู้แก่ใจดีใช่ไหม   ว่าพวกเราทำงานเสี่ยงตาย  แต่ละครั้งรอดได้ก็บุญแล้ว  ทุกคนรู้ใช่ไหม ก็แค่มีกินแต่ไม่มีใช้  ขณะที่เขากินดีอยู่ดีมีสุข เป็นหัวหน้ามาเฟียที่ไม่ดูแลทุกข์สุขของลูกน้อง….

                             ถ้าฉันเป็นหัวหน้าใหญ่แทน  ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง  แกจำคำนี้ไว้….“

             ทุกคนชูมือสูงยอมรับ…

                                ชายร่างผอมเหงื่อเกาะขมับยกมือเช็ด รีบเอ่ยเสียงสั่น

               “แต่ลูกพี่แน่ใจหรือ ว่านายใหญ่จะใช้ถนนเส้นใหญ่ ไม่วกเข้าซอยอื่น”

                                เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น คล้ายเย้ยความกังวล     

               “ไอ้ผอม… ฉันรู้นิสัยเขาดีกว่าใคร  เป็นใหญ่แต่ใจนิดเดียว ขี้กลัวต้องมีรถคุ้มกันเปิดหัวปิดท้าย  ปกป้องแน่นหนายิ่งกว่าใข่ในหิน  

                  แต่ถ้าเราคุมไฟแดงได้ตรงนี้… ..เชื่อซีไม่มีทางรอด”

                 คนที่นั่งห้อยบุหรี่ไว้ที่มุมปากเคาะนิ้วเบา ๆ บนเข่า 

               “ถ้างั้นผมจะขับรถตัดหน้า บังคับให้เลี้ยวเข้าซอยเอง”

                  เสียงตอบรับเรียบแต่หนักแน่นดังตามมา “ไอ้ดำ..แกเหมาะมาก… เรื่องนี้แกรับผิดชอบ”

                   มุมห้อง ร่างท้วมถือวิทยุ กดเช็กสัญญาณแล้วก้มตามแผนที่ 

                “หัวหน้า… เวลาแน่นอนหรือยัง”

                  ฝ่ามือเคาะโต๊ะสามครั้งติดกัน ก้องกังวาน 

                “สิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้า ไฟแดงคุมได้สองนาที ทุกอย่างต้องลงตัว ถ้าเกินหกโมง ทุกอย่างจะล้ม จำให้ดี..ไอ้อ้วน“

                   โกดังทั้งโกดังเงียบจนได้ยินเพียงลมหายใจ ทุกเงาสั่นไหวไปตามแสงไฟนีออนที่กระพริบวูบวาบ

                   เสียงห้าวแหบจากมุมหนึ่งเอ่ยช้า ๆ 

      “ถ้ารถเปลี่ยนเส้นทางล่ะ”

                   หัวหน้าช้อนสายตามอง ราบเรียบแต่เย็นเฉียบ

     “ถ้ารถเบนไปทางอื่น   มีสัญญาณให้ยิงยางรถ    ต้องหยุดให้ได้ … คืนนี้มันไม่มีทางหนี”

                   คำพูดนั้นเหมือนตรึงอากาศในห้องให้หนืดข้นจนกลืนไม่ลง

                    อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ

                 “พูดกันตรง ๆ ถ้าเราพลาด พรุ่งนี้เช้าพวกเราต่างหมดสิทธิ์หายใจ”

                    ริมฝีปากหัวหน้าขยับเป็นรอยยิ้มมุมปาก แววตาสะท้อนความมุ่งมั่นไม่ไหวเอน 

                  “ไม่มีพลาด คืนนี้ฉันจะก้าวขึ้นเป็น“หัวหน้ามาเฟีย“ แทน ทุกวินาทีต้องเป๊ะ… ทุกคนเข้าใจ”

                     มือสี่คู่ยกขึ้นซ้อนกันกลางโต๊ะ โดยไม่ต้องสาบานเป็นคำพูด แต่หนักหน่วงยิ่งกว่าคำสัญญาใด

                     ฝนเพิ่งซา เหลือเพียงหยดน้ำพราวบนถนนราวกับคราบน้ำตาของเมือง แสงไฟจากตึกสูงสาดเป็นลำบาง ๆ ลงบนทางเท้าเปียก   เสียงยางบดถนนเปียกครืดคราดเหมือนฟันกรามกำลังขบกัด 

                คนแรกยืนเงียบที่มุมตึก ดวงตาจับจ้องถนนตรงหน้า มือขวากุมปืนแน่น มือซ้ายสั่นเล็กน้อยจากความตึงเครียด ลมหายใจเขาหนักราวกับกำลังกลืนไฟในอก

               อีกยืนใกล้ ๆ จ้องไปยังทางเข้าออกทุกซอย สายตาเขาแหลมคมเหมือนนักล่าที่ซุ่มรอเหยื่อ แต่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุอก

                    เงาร่างหนึ่งพิงกำแพงมุมตึก มือขวากำปืนแน่นจนข้อซีด ลมหายใจหนักรัวเหมือนจะฉีกอก เงาของเขายืดยาวบนพื้นทาง คล้ายจะลากเจ้าของลงสู่ขุมนรก

                   เสียงวิทยุแตกพร่า “… พร้อมหรือยัง”

                “พร้อม”

                   หัวหน้ามาเฟียนั่งในรถยนต์“เป้าหมาย”แล่นมาข้างหน้า  ไฟหน้าสาดเข้าเป็นลำ กลิ่นน้ำมันคลุ้งผสมไอฝน

                  “เข้ามุม… อย่าให้หลุด”  เสียงดังหนักแน่น

                  เกิดนาทีระทึกมีจักรยานยนต์พุ่งตัดหน้า ยางรถเป้าหมายเบรกกะทันหัน เสียงลื่นก้องสนั่น

                “เปลี่ยนแผน,เปลี่ยนแผน รถสำรอง“  ลูกพี่สั่งทางวิทยุ

                 ไฟหน้ารถอีกคันพุ่งออกจากปั๊ม เสียงเครื่องคำรามสะท้อนกำแพง น้ำกระเซ็นใส่กำแพงดำเปื้อน

                 ฝนหวนกระหน่ำลงอีกระลอก  รถเป้าหมายถูกบีบเข้าซอยแคบเต็มเศษขวดแตก ตามแผน

               “ยิงยาง” คำสั่งก้องดังกระแทกอากาศ

                เสียงปืนปะทุ ยางแตกสะบัด รถโคลงเคลงก่อนหยุดสนิท กลิ่นไหม้คละคลุ้ง

              ”เรียบร้อยแล้ว” เสียงหนึ่งหอบเหนื่อยปลดปล่อย

         ลูกพี่รี่ออกจากมุมมืด ยิ้มมุมปากส่งสัญญาณให้กลับที่ตั้ง

                 แต่เสียงไซเรนกลับดังขึ้นจากทุกทิศ แสงไฟแดง น้ำเงินวูบวาบสะท้อนผนังตึก เจ้าหน้าที่นับสิบโผล่จากเงามืด ปืนจ่อทุกทิศ

              ”ตำรวจ..“

 เขาไม่รีรอ ส่งสัญญาณลูกน้องโต้ตอบเปิดทางหนี

ไม่ต้องไปสนใจศพในรถ

             เสียงปืนโต้กลับดังสนั่น ควันดินปืนฟุ้งคลุ้ง 

             ร่างหนึ่งล้มลง เลือดผสมฝนไหลนอง  ตายคาที่ !

อีกคนถูกกดมัด  ฮึดสู้ ถูกยิงสวน ตายทันที !

             เขาพลาด จนมุมข้างกำแพง พยายามหนี ตำรวจยิงจนทรุด

             ตำรวจประคองเขาออกมาด้านนอก 

             เห็นรถ “เป้าหมาย” ชนกำแพงพังยับยู่ยี่อยู่กับที่    ไฟหน้าเปิดค้าง ควันยังคุกรุ่น คงเผาร่างคนในรถไปหมดแล้ว

            เขาถอนหายใจ  …!

            จ้องรถอีกครั้งเหมือนจะบอกตัวเองว่า

แม้เขาไม่ตาย ก็ไม่ได้แตกต่างเท่าใดกับความตายที่เห็นตรงหน้านี้ !!

              ตำรวจกระแทกให้รีบเดิน…

              ชะเง้อข้างหน้า   เบิกตาโพลงกับศพลูกน้องอีกคน นอนแผ่ราบข้างรถอย่างเอน็จอนาถ  

              เขาถอนหายใจกับลูกน้อง เหมือนแมงเม่าบินตายในกองไฟ รวมทั้งอิสรภาพของเขาที่สูญสิ้น 

             ความเงียบกดทับชั่วครู่ ก่อนแสงไซเรนท้อนเงาของกลุ่มคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์  

            หยุดชงักตกใจเมื่อดวงตาคมกริบจ้องมา   มุมปากเผยอยิ้มเย้ยหยัน  แล้วหมุนตัวกลับหายไปในความมืด….!

          ”หัวหน้ามาเฟีย“  ที่เขาตามฆ่า !

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924)

“เรื่องสั้น” เมื่อฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924) อายุได้ 40 ปี เขายังไม่เคยแต่งงานและไม่มีบุตร วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่กรุงเบอร์ลิน และบังเอิญพบกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ เพราะเธอทำ “ตุ๊กตาตัวโปรด” หาย

“รองเท้า..คู่นี้ !”

เรื่องสั้น “รองเท้า..คู่นี้ !” ฝนเทกระหน่ำตลอดคืน น้ำไหลเป็นลำยาวตามร่องถนน พื้นลื่นเป็นมัน เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาและพื้นถนนดังไม่สม่ำเสมอ ชายหนุ่มส่งของวัยยี่สิบ ผมยาวสะพายกล่องเดินลัดซอยแคบที่เต็มไปด้วยกลิ่นขยะเหม็นฉุนกลับห้องพักเหมือนทุกคืน ฝนซาเม็ดกลับมีหมอกหนา เพ่งมองข้างหน้า เหมือนร่างชายชรา…กำลังลอยเข้าไปในกลุ่มควัน สองมือไขว่าคว้าตาจ้องมาอย่างวิงวอน….

เรื่องเล่าจากมุมมืด

เรื่องสั้น ขอเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟังครับ เรื่องเล่าจากมุมมืด มันเป็นอีกวันหนึ่งวัน ที่ผมเศร้าใจ.... ใครมีลูกมีหลาน ควรอ่านเรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์.