วันพฤหัสบดี, กันยายน 25, 2025
spot_imgspot_imgspot_img

“ใคร…ตามมา”

เผยแพร่

spot_img

  ลมหนาวเย็นจัดพัดปะทะใบหน้า เขายกปกเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นปิดจมูก 

                                กลิ่นสนิมและดินเปียกชื้นลอยมาตามลม รสคาวโลหะติดปลายลิ้นจนเขาขนลุก มันเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยจากการสำรวจสถานที่ร้างหลายสิบแห่ง 

                                แต่คฤหาสน์แห่งนี้…มันไม่เหมือนที่ไหน ๆ

                                 มันเงียบจนผิดปกติ         เงียบจนเหมือนมีใครกำลังรอ….!!

                                 เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดจีพีเอส จุดสีแดงบนหน้าจอกระพริบเตือนอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กสูงที่ขึ้นสนิมจนเกือบพัง

                                  ประตูส่งเสียงครืดด…เมื่อเขาดันให้เปิดออก เสียงนั้นก้องไปทั้งลานราวกับมีใครสะดุ้งตื่น

                                  พื้นกรวดเปียกน้ำฝนดังกรอบแกรบทุกครั้งที่เขาก้าวเดินไปทางตัวอาคาร เงาสะท้อนของคฤหาสน์หลังใหญ่ปรากฏใต้แสงจันทร์ หน้าต่างบางบานแตกเป็นรูโหว่ เถาวัลย์เลื้อยพันราวกับมือที่กำลังบีบคอใครอยู่

                                   ประตูเหล็กหนาหนักเปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดแหลม 

                                    เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องในความเงียบ รีบเปิดไฟฉายแล้วกวาดไปทั่วโถง เศษเฟอร์นิเจอร์เก่าถูกทิ้งไว้ราวกับใครเพิ่งหนีออกไป โต๊ะเหล็กปูด้วยไม้ถูกเฉือนจนเป็นร่องลึกเหมือนถูกฟันด้วยดาบขนาดใหญ่ ผ้าม่านเก่า ๆ แหว่งวิ่นห้อยระโยงระยางเหมือนบ่วงผูกคอ และบนผืนผ้ายังมีรอยเลือดแห้งเป็นคราบดำ

                                     เสียงหยดน้ำจากเพดานปูนดังติ๋ง…ติ๋ง…!

                                     เหมือนนาฬิกาที่นับถอยหลัง เขาเดินลึกเข้าไปในตัวตึก เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างแตกระแหงทำให้ผ้าม่านปลิวจนดูเหมือนมีคนยืนมอง

                                      แล้วเขาก็เห็นมัน !!

                     บันไดหินเก่าแก่คร่ำคร่า ทอดยาวลงสู่ความมืดมิดใต้ดิน

                                      ขั้นบันไดแต่ละขั้นแกะสลักเป็นใบหน้าคน ใบหน้าที่เบิกตาโพลง ปากอ้าเหมือนกำลังกรีดร้องด้วยความกลัว 

                                      เขายืนตัวแข็งชั่วขณะก่อนยกกล้องขึ้นถ่ายภาพไว้ จนรู้สึกเหมือนใบหน้าเหล่านั้นกำลังจ้องตอบ

                                      ย่างก้าวแล้วชะงัก ก่อนลงไปช้า ๆ

               กึก…กึก…

              เสียงไม้เก่าเบียดคอนกรีตอับชื้น  ราวใครร้องครางใต้ฝ่าเท้าเหมือนกำลังไม่พอใจ

                                      เมื่อถึงขั้นที่สาม ไม้กระดานด้านบนหักดังแคร๊ก ร่างเขาเสียหลัก ร่วงลงไปเกือบสองขั้น กล้องที่ถือไว้ กระเด็นหลุดมือ กลิ้งตกลงไปในความมืดเบื้องล่าง ก่อนจะได้ยินเสียง ตุบ แล้วเงียบหาย

                                      หัวใจเขาเต้นแรง   เขากัดฟัน เดินต่อไปเพื่อหากล้อง….

            หันกลับมองบีนไดชั้นบนที่เงียบขรึม ทะมึนจนน่ากลัว

                                      ทุกก้าวที่ย่างลงไป ไฟฉายในมือเริ่มหรี่ลง แสงค่อย ๆ ถูกความมืดดูดกลืน ราวกับมีบางสิ่งกำลังกลืนกินความสว่างไปจากโลกนี้…..!

                                      แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้น !

              เสียงกรงเล็บขูดกับพื้นไม้ ครืดด…ครืดด…!!

              มันใกล้เข้ามา…

              ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ…..!

              เขาหยุด หายใจแรงจน-อกโยก กวาดไฟฉายไปข้างล่างแต่ไม่เห็นอะไร เหงื่อเย็นไหลลงขมับ

           “ใคร…..ใครอยู่ตรงนั้น…!”

              เสียงเขาก้องสะท้อนขึ้นมา…ไม่มีคำตอบ นอกจากเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่เหมือนดังมาจากทุกทิศทาง….!

             เขาเร่งฝีเท้า เดินลงให้เร็วที่สุด บันไดส่งเสียงครืดคราดตามจังหวะก้าว เหมือนมีใครอีกคนก้าวตามมาพร้อมกัน

             หยุดฟังเสียง   …แล้วเสียงที่ได้ยินก็พลันหยุด

เหมือนมีใครตามลงมาจริง ๆ

             เขายังไม่กล้าหันกลับ

                             ลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะต้นคอ ขนลุกชันใจระทึก

                             สะดุ้ง หันขวับ ….

             ไม่มีใคร…!!

                             ในที่สุดเขาก็มาถึงขั้นสุดท้าย เท้าเพิ่งแตะพื้นดิน แสงไฟฉายก็ดับลงทันที ความมืดกลืนกินทุกสิ่ง

                             ยืนนิ่งในความเงียบ จนได้ยินเสียง แชะ ของชัตเตอร์กล้องดังขึ้นจากในความมืด

                             แล้วเขาเห็น ….!

               แสงแฟลชสว่างวาบ

              มีเงาของใครบางคนกำลังถ่ายรูปเขา…!

                            ทันใดนั้นเอง ไฟทุกดวงในห้องใต้ดินสว่างวาบ เผยให้เห็นผนังรอบด้านที่เต็มไปด้วยรูปถ่าย 

                           คงเป็นรูปภาพของคนที่เคยลงบันไดนี้มาก่อน ภาพทุกใบติดอยู่บนผนังอย่างเป็นระเบียบ บางภาพเป็นใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

                            เขาสดุ้งสุดตัวในทันทีเมื่อเห็นภาพล่าสุดติดผนัง…

เมินหน้าหนี….ด้วยความกลัว ..!

                           พลันหันหลังกลับจะวิ่งหนี

                           กลับยืนแข็งทื่อ  เมื่อหันไปทางเสียงจากบันไดชั้นบน 

                            จ้องบนบันได….!  เห็นราง ๆ 

                            คงมีใครลงมาแล้ว…!

           ความหวาดกลัว  ขยับตัวกลับไปด้านผนัง

                           เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลังอีก  เขาหันกลับไปทันที

            จริงอย่างที่เขาคิด….

            ลงมาแล้ว…!

                         ใครบางคนกำลังเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ถือกล้องอยู่ในมือ….!

                          รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของร่างนั้น 

กำลังเดินลงมาแล้ว….!

                          สถานการณ์ยามนี้  เขาจะทนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

                          ต้องรีบวิ่งสวนขึ้นไปให้พ้น…ก่อนทุกร่าง..ทุกวิญญาณ จะออกมาอะละวาด  

                          และเขาอาจต้องติดกับดักไปด้วย….!

        เขาอ้าปากจะร้อง..แต่ไม่มีเสียง….เหลียวมองซ้ายขวาหาคนช่วย ต่างเงียบงัน

        ยกสองมือปัดป้อง  ความกลัวแผ่ซ่านทั่วกายขยายสู่ใบหน้าจนเส้นผมลุกชัน ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของห้องนั้น

                          ร่างนั้น เดินลงมาทีละขั้น ใกล้เข้ามาแล้ว

        ตะโกนจนเสียงแหบแห้ง แล้วมีเสียงก้องรอบทิศ

                         เขาพยามดิ้นรนจะวื่งสวนขึ้นไป   แต่มันเหมือนถูกยึดอยู่กับที่

                         เพียงไม่กี่อึดใจ…

                         ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท …..!

       ร่างนั้น….ลงมาถึงพื้น

                         เดินตรงมาหยุดตรงนี้…

                         ก้าวมาหยุดใกล้แค่เอื้อม จ้องหน้าเขาเขม็ง

        เขาขยับหนีไม่ได้แล้ว….!

                        ร่างของเขาตรึงเป็นรูปถ่ายติดผนังจนขยับไม่ได้แล้ว

ข่าวล่าสุด

จากกรณีถนนทรุดยุบลงไปเป็นหลุมลึก บริเวณสถานีวชิรพยาบาล โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง

ภาพเหตุการณ์จะเห็นว่ามีเหมือนดินเรียบ ๆ เป็นกำแพงลงลึกไป จริง ๆ เป็นคอนกรีตกำแพงกันดินของสถานีรถไฟฟ้า กำแพงกันดินจะเป็นเหมือนกล่องที่อยู่ใต้ดิน แล้วภายในกล่องก็เป็นสถานี มีชานชาลา มีรางรถไฟ

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

 โศกนาฏกรรม “ถนนสามเสน” อุทาหรณ์จากรอยต่อที่เปราะบาง

เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. 2568 ถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลต้องหยุดนิ่ง เมื่อพื้นผิวจราจรทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร ต้องทำให้ทั้งทรัพย์สินและเสาไฟฟ้า สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

“ชีวิต อุทิศเพื่อสยาม” ฝรั่งทั้งครอบครัวโอนใจเป็นไทย!…ตั้งโรงเรียนแพทย์…คิดพิมพ์ดีดภาษาไทย!!…

สมัยที่ประเทศไทยยังไม่มีความสะดวกสบายเหมือนทางตะวันตก แต่วิถีชีวิตความเป็นไทยก็มีเสน่ห์ ทำให้คนหลายชาติหลายภาษาเลือกเอาเมืองไทยเป็นเรือนตายแทนถิ่นเกิด หลายคนกลายเป็นต้นสกุลไทยในวันนี้ และได้สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยไว้มากราย…

ข่าวอื่นๆ

ลูกมาปรึกษา….ผมจะผิดไหมถ้าผมจะเอาคุณพ่อที่แก่ไปไว้ที่บ้านพักคนชรา

ลูกมาปรึกษา....ผมจะผิดไหมถ้าผมจะเอาคุณพ่อที่แก่ไปไว้ที่บ้านพักคนชรา เพราะผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ทิ้งพ่อในวัยชราให้อยู่คนเดียว และช่วงนี้ บ่อยครั้งที่เจ้านายให้ผมเดินทางไปต่างประเทศ.

”หนี..สุดชีวิต“

เรื่องสั้น ”หนี..สุดชีวิต“ ฝนกระหน่ำลงบนหลังคาสังกะสีเก่าของโกดังในเขตท่าเรือ เสียงดังราวกับใครเอาหมื่นมือมาตีกลองพร้อมกัน กลิ่นคาวเหล็กผสมกับน้ำมันเครื่องเก่าอบอวลในอากาศ อุณหภูมิเย็นชื้นแผ่ซ่านไปทั่ว

เรื่องสั้น        “แผนฆ่า..มาเฟีย”

  โกดังร้างกลางท่าเรือเงียบงัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่ตกจากท่อสนิมดังก้องสะท้อนทั่วห้อง                                 แสงไฟนีออนเก่าเพียงดวงเดียวห้อยโยกเหนือโต๊ะเหล็กกลมผุกร่อน เผยให้เห็นแผนที่ถนนที่ถูกคลี่กางอยู่กลางโต๊ะ                                ขอบกระดาษยับย่นเหมือนผ่านการขยำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน                                 กลิ่นสนิมคลุ้งปนควันบุหรี่จนบรรยากาศหนาแน่นราวกับหมอกที่กดทับให้หายใจติดขัด                                  สี่คนกึ่งล้อมรอบโต๊ะ  กระดาษแผนที่ถูกคลี่กาง ขอบยับย่นแทบจะฉีกขาด วงปากกาสีแดงตรงสี่แยกกลางแผนที่สะดุดตาเหมือนเลือดสด ๆ หยดลงบนกระดาษ                                  ฝ่ามือหนักตบลงบนโต๊ะจนสั่นสะเทือน เสียงทุ้มต่ำเปล่งชัด                 “คืนนี้… ทุกอย่างต้องสิ้นสุด ทุกคนเข้าใจไหม” ดวงตาเขาคมกริบใต้คิ้วหนาข่มทุกคู่สายตาให้ก้มต่ำโดยไม่ต้องตะโกน        เสียงเงียบงันไปครู่ใหญ่ ก่อนลูกพี่จะพูดชัดถ้อยชัดคำ                             ”ทุกคนรู้แก่ใจดีใช่ไหม   ว่าพวกเราทำงานเสี่ยงตาย ...