วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

เผยแพร่

spot_img

ทั้งที่นานาชาติยื่นหลักฐานคาตา เมื่อเงินแสนล้านถูกยึด และความ “ร่อแร่” ทางการเมืองกลายเป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

                             การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์” ในกัมพูชา ได้ตอกย้ำถึงสถานะของประเทศนี้ในฐานะศูนย์กลางแก๊งมิจฉาชีพและการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ที่ร้ายแรงที่สุดในโลก 

                             มาตรการดังกล่าวได้ระบุชื่อและยึดทรัพย์สินของนายเฉิน จื้อ มหาเศรษฐีชาวกัมพูชา-จีน และเครือข่าย Prince Group ที่มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาท (บิตคอยน์ราว 15,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งนับเป็นการยึดทรัพย์ครั้งประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หลักฐานที่ผูกโยงมหาเศรษฐีรายนี้กับชนชั้นนำและอดีตผู้นำระดับสูงของกัมพูชาทำให้ความพยายามในการ “ปฏิเสธ” หรือ “โยนความผิด” ให้เป็นเรื่องของชาติอื่น

จากรัฐบาลพนมเปญกลายเป็นเรื่องที่ขาดความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง และสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อประชาคมโลกที่กำลังเผชิญกับความเสียหายทางเศรษฐกิจและความมั่นคง 

                   สุดสัปดาห์นี้ มีรายงานว่าเกาหลีใต้เคยเสนอให้มีการใช้กำลังทหารเข้าจัดการเพื่อช่วยพลเมืองของตน

ในขณะที่กัมพูชาเลือกใช้ท่าทีปฏิเสธและปกป้องกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างแข็งกร้าว 

                            ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงได้แสดงความมุ่งมั่นในการจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยนั่งเป็นประธานด้วยตนเองและมีหลายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคง

เข้ามาร่วมบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบเป็นศูนย์ปราบปรามใหญ่ของประเทศ

                            คณะกรรมการชุดนี้มีเป้าหมายในการกำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อ “ล้างบาง” อาชญากรรมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าไทยจะไม่ยอมให้พื้นที่ของตนกลายเป็นฐานหรือทางผ่านของเงินสกปรกอีกต่อไป

                            การดำเนินการเชิงรุกของนานาประเทศและประเทศไทยเป็นการส่งแรงกดดันมหาศาลต่อรัฐบาลกัมพูชาให้ต้องเลือกข้างอย่างเด็ดขาด เนื่องจากแกนกลางของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวสแกมเมอร์เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การเพิกเฉยหรือการอำนวยความสะดวกอย่างลับ ๆ ของกลุ่มอำนาจในประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทาเหล่านี้

                              การที่สหรัฐฯ และอังกฤษสามารถยึดทรัพย์สินในต่างประเทศและตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินได้ เป็นการทำลายวงจรฟอกเงินของกลุ่ม Prince Group ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการค้ามนุษย์และการหลอกลวงเหยื่อทั่วโลก การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่จัดการกับอาชญากร แต่ยังเป็นการท้าทายความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของระบบการเมืองกัมพูชาโดยตรง ซึ่งการปฏิเสธของพนมเปญมีแต่จะเพิ่มความโดดเดี่ยวทางการทูตและเร่งให้สถานการณ์ความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 โศกนาฏกรรมแห่งการโอดโอย เมื่อ ‘เสียงผี’ กลายเป็นอาวุธ ที่พาดไปสู่เวทีโลก

รัฐบาลกัมพูชาหาช่องมานาน ในที่สุดนำเสียงผียื่นเรื่องร้องเรียนต่อสหประชาชาติ (UN) กรณีที่เอกชนไทยทำการเปิดเสียงดังอันน่าหวาดผวา ทั้งเสียงผีโหยหวนและเสียงเครื่องบินรบ ตามแนวชายแดน