พร้อมคำมั่นจากมหาอำนาจว่าจะไม่แทรกแซง ทว่าในฉากหลังของความสำเร็จทางการทูตนั้น กัมพูชายังคงเสริมกำลังและส่งโดรนเข้าในพื้นที่ชายแดนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่ยังคงดำรงอยู่ และการเดินทางที่ยังอีกยาวไกลของความเชื่อใจระหว่างกัน
การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งล่าสุดที่มาเลเซีย ได้รับการยกย่องจากฝ่ายไทยว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตครั้งสำคัญ การบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น ถือเป็นการฟื้นฟูการเจรจาทวิภาคีที่หยุดชะงักไปนาน และเป็นเครื่องยืนยันว่ากลไกการพูดคุยแบบสองประเทศยังคงทำงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความขัดแย้งระดับภูมิภาคและระดับโลกมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ การที่มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ต่างพร้อมรับบทบาทเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ยิ่งตอกย้ำความชอบธรรมของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีและกลไกของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งนับเป็นชัยชนะทางการเมืองอีกครั้งสำหรับกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จบนโต๊ะเจรจาดูเหมือนจะเป็นเพียงด้านเดียวของเหรียญสถานการณ์จริง ณ บริเวณชายแดนยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง การยืนยันของโฆษก ศบ.ทก. ว่ามีการเสริมกำลังของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่สำคัญ และยังคงมีการตรวจพบการใช้โดรนในเขตไทย สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจของกัมพูชาที่ฝังรากลึกมานาน
แม้จะมีการตกลงในหลายประเด็น แต่การที่กัมพูชายังคงปฏิเสธข้อเสนอสำคัญ 2 ข้อของไทย ซึ่งรวมถึงเรื่องทุ่นระเบิดที่ไทยมองว่าเป็น “เครื่องป้องกันกำลังของตนเอง” บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพนมเปญยังคงยึดถือความได้เปรียบทางยุทธวิธี และไม่ได้มองว่าการเจรจาเป็นหลักประกันความปลอดภัยที่เพียงพอ
การตัดสินใจของไทยที่จะ “พูดต่อไปเรื่อยเรื่อยจนกว่ากัมพูชาจะยอมรับ” แสดงให้เห็นถึงความอดทนเชิงยุทธศาสตร์และการยึดมั่นในวิถีทางการทูต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างแรงกดดันระยะยาวให้กับกัมพูชา โดยหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปและภายใต้สายตาของนานาชาติ กัมพูชาจะจำต้องอ่อนข้อลงในที่สุด
แนวทางนี้แม้จะไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่ก็ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่มีความอดทนและเคารพในกฎกติกาการระหว่างประเทศ ซึ่งนับเป็นแต้มต่อทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญในเวทีโลก
ดังนั้น ในภาพรวมแล้ว ข้อตกลง 13 ประเด็นจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการคลี่คลายความขัดแย้งที่ซับซ้อน ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของปัญหา สภาพการณ์ในปัจจุบันจึงดูเหมือนว่า การเจรจายังคงเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่กลไกการทหารยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารหลักระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจที่ยังเปราะบางและสุ่มเสี่ยง
การประชุม GBC ครั้งนี้เปรียบเสมือนการปลูกดอกกุหลาบไว้กลางทุ่งระเบิด ไทยส่งสัญญาณแห่งมิตรภาพด้วยข้อตกลง 13 ข้อ ขณะที่กัมพูชาตอบรับด้วยการส่งสัญญาณจากโดรน ซึ่งมีทั้งภาพและเสียงที่ชัดเจนกว่า ถือเป็นความก้าวหน้าทางการทูตที่น่าทึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า การพูดคุยเป็นสิ่งจำเป็น… ตราบใดที่ยังไม่มีใครก้าวพลาดไปเหยียบกับระเบิดในระหว่างนั้น