การประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยเพื่อตรวจสอบรัฐบาลใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกุล ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรร่วมรัฐบาลกันมาก่อน กำลังถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองที่ขาดประสิทธิภาพและอาจไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อประเทศชาติ ในช่วงเวลาที่ควรหันมารวมพลังเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก.
การที่พรรคเพื่อไทยประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล “อนุทิน 1” กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองที่มุ่งตอบสนองต่อความขัดแย้งภายในมากกว่าการตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
ทั้งสองพรรคเคยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและดำเนินนโยบายต่างๆ มาแล้ว การอภิปรายในครั้งนี้จึงเสมือนเป็นการเปิดเผยความลับในบ้านที่ตัวเองเคยร่วมสร้าง การทุ่มเททรัพยากรทางการเมืองเพื่อตรวจสอบรัฐบาลที่รู้ดีอยู่แล้วว่ามีเวลาทำงานเพียงสี่เดือนตามเงื่อนไข MOA ดูจะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกมากนัก เพราะรัฐบาลเองก็มีข้อจำกัดด้านเวลาในการบริหารงานอย่างเต็มที่และไม่สามารถทำโครงการขนาดใหญ่ได้
ในมุมมองทางรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนบทบาทจากพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้านในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นและความขัดแย้งที่ฝังรากลึกระหว่างสองพรรค
การตรวจสอบจึงอาจเป็นเพียงการแสดงออกถึงความแค้นส่วนตัวหรือความต้องการสร้างฐานอำนาจใหม่ทางการเมืองมากกว่าการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะที่แท้จริง ซึ่งในสถานการณ์ปกติก็อาจเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ในห้วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและเร่งด่วนอย่างปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและการหันมาโจมตีกันเองภายในประเทศจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือการที่กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและสนับสนุนให้พลเมืองของตนรุกล้ำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีอย่างต่อเนื่องในขณะที่ฝ่ายการเมืองของไทยกำลังแตกแยก เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่ากัมพูชากำลังฉวยโอกาสจากการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
การที่ฝ่ายค้านซึ่งเป็นรัฐบาลเดิม และรัฐบาลใหม่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่การเผชิญหน้าในสภา ยิ่งทำให้ประเทศขาดความเป็นเอกภาพในการรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรหันมาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
การรวมพลังเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนจึงเป็นเรื่องที่เร่งด่วนและจำเป็นกว่าการใช้เวทีสภาเป็นเครื่องมือในการระบายความแค้นทางการเมือง
ขณะที่ “ศึกใน” กำลังเปิดฉากอย่างดุเดือดในสนามการเมือง “ศึกนอก” ที่ชายแดนกลับคุกรุ่นกว่าที่เคย รัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังง่วนอยู่กับการชำระแค้นจากความหลัง จนลืมไปว่ายังมีศัตรูร่วมที่กำลังจ้องมองและพร้อมจะฉวยโอกาสจากความแตกแยกของพวกเขาอยู่