วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTนายกรัฐมนตรี "อนุทิน"  วาดฝัน "รีเซ็ตประเทศไทย" ทวงคืนผู้นำภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี “อนุทิน”  วาดฝัน “รีเซ็ตประเทศไทย” ทวงคืนผู้นำภูมิภาค

เผยแพร่

spot_img

                                 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทยประจำปี 2568 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการ “รีเซ็ตโครงสร้างประเทศ” และ “Recover เศรษฐกิจไทย” 

                                ทั้งนี้ โดยแบ่งการปรับโครงสร้างออกเป็น 3 มิติหลัก ได้แก่ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม/ดิจิทัล พร้อมประกาศกร้าวว่า ไทยต้องทวงคืนตำแหน่งผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคกลับมาให้ได้

                                โดยชี้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่ไทยเติบโตช้ากว่าเวียดนามถือเป็น “ฝันร้าย” ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไข นายกฯ เน้นย้ำความจำเป็นในการปรับปรุงระบบที่ไม่ตอบโจทย์ยุคใหม่ รวมถึงการยกเครื่องกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลเพื่อรองรับการเข้าร่วม OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development)หรือ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงในระบบเศรษฐกิจ

                                คำถามสำคัญที่ยังคงค้างคาในใจสาธารณชน คือวิสัยทัศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาลระดับ “รีเซ็ตประเทศ” นี้ จะสามารถเกิดขึ้นจริงได้ภายใต้เงื่อนไขและอายุรัฐบาลที่เป็นอยู่หรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดยนายอนุทินมี กรอบเวลาทำงานจำกัดเพียง 4 เดือน ภายใต้ข้อตกลง (MOA) ก่อนการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่

                                  ทั้งนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการปฏิรูปโครงสร้างใหญ่ในด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรมย่อมต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องทางการเมืองที่มากกว่าระยะเวลาอันสั้นนี้ 

                                 นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำได้จริงในระยะสั้น อาจจำกัดอยู่เพียงการเดินหน้ามาตรการ “ลดค่าครองชีพ” และการสร้าง “ความมั่นคงทางการเกษตรและพลังงาน” ซึ่งเป็นนโยบายที่สามารถ “เก็บเกี่ยวคะแนนนิยม” จากประชาชนได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม ก่อนจะถึงวันตัดสินชี้ชะตาในสนามเลือกตั้งครั้งใหม่

                                 ขณะเดียวกัน การปาฐกถาของนายกฯ อนุทินที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจในการ “กระโดด” แซงเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ถูกเปรียบดั่งกระต่ายประมาทเต่าในนิทานอีสป ก็สร้างความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความหวังและความขบขันให้กับผู้ฟังไม่น้อย โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ผมยังมั่นใจกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคภูมิใจไทยของผมอีก” นั้น    

                                  สะท้อนให้เห็นว่าในห้วงเวลาแห่งการทำงานที่เหลืออยู่ การสร้างผลงานเพื่อ “โกยคะแนนเสียง” และการ “ดูด ส.ส.” จากพรรคคู่แข่งและพรรคอื่น ๆ ที่กำลัง “ทยอยกันเข้ามาด้วยเหตุผลนานาประการ” อาจกลายเป็นเป้าหมายหลักที่ “มั่นใจยิ่งกว่า” การบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ตามที่ได้ประกาศไว้เสียอีก

                                 ทั้งยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการเลือกตั้งครั้งหน้ามีความสำคัญระดับเดิมพันอนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีเองเลยทีเดียว

                                  อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ “ความมั่นใจ” ของนายกรัฐมนตรีในการที่จะพาประเทศไทย “แซงเพื่อนบ้านให้ได้” และ “เป็นหนึ่งในภูมิภาคให้ได้”   เราก็ยังคงเป็นกำลังใจสำคัญที่รัฐบาลพยายามส่งต่อให้กับภาคเอกชนและประชาชน เพื่อให้ทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ไปให้ได้ แม้ว่าภารกิจ “รีเซ็ตโครงสร้างประเทศ” อาจจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นผู้สานต่อก็ตาม

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา