ถ้าไม่รีบป้องกัน วันนี้บ้านอาจเหลือเพียงเถ้าถ่าน
โลกออนไลน์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เมื่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปราบเครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติที่แฝงตัวในกัมพูชา เครือข่ายนี้นำโดย Chen Zhi ชาวจีน ผู้ถือสัญชาติหลายประเทศและประธาน Prince Holding Group ซึ่งถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินในศาลสหรัฐฯ เขาถูกกล่าวหาว่าใช้ค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายหลายประเทศผ่านการลงทุนคริปโตและโทรศัพท์ปลอม
สำหรับ Benjamin Mauerberger หรือ Ben Smith นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้และมีบทบาทเป็น “fixer” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรื่องนี้ มีนักการเมืองฝ่ายค้านอภิปรายในสภาเมื่อคราววันแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีใหม่ ว่านาย Ben Smith เกี่ยวข้องกับอดีตผู้นำไทยและนักการเมืองไทย แต่ยังไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าเกี่ยวพันกับภัยที่กำลังคุกคามหรือไม่
รายงานจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า Chen Zhi ถูกตั้งข้อหา “สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์” และ “สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน” พร้อมยื่นคำร้องอายัด บิตคอยน์ 127,271 เหรียญ มูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 570,000 ล้านบาทไทย) นอกจากนี้ OFAC และ UK Treasury ประกาศ คว่ำบาตรบุคคลและบริษัท 146 ราย ที่เกี่ยวข้องกับ Prince Group และอายัดทรัพย์สินหลายล้านปอนด์ในลอนดอนและฮ่องกง การดำเนินการนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเพื่อสกัดการหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติและฟอกเงิน
เครือข่ายถูกตัดช่องทางการเงินชั่วคราว แต่การจับกุมผู้บงการหลักยังไม่เสร็จ ทำให้ขบวนการลักษณะนี้สามารถเคลื่อนย้ายฐานมายังประเทศใกล้เคียง เช่น ไทย ลาว หรือเมียนมา หากช่องว่างด้านกฎหมายและการตรวจสอบแรงงานข้ามชาติยังคงอยู่ ภัยสแกมเมอร์จะซึมเข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยที่เรารู้ตัว
รัฐบาลต้องเร่งดำเนินมาตรการทั้งเชิงนโยบายและสาธารณะ เช่น สร้างฐานข้อมูลกลางด้านอาชญากรรมไซเบอร์ ตั้งศูนย์สืบสวนร่วมกับสหรัฐฯ และอาเซียน ปรับกฎหมายคริปโตให้เข้มงวด ตรวจสอบแรงงานข้ามชาติ และแจ้งเตือนประชาชนอย่างจริงจัง หากยังนิ่งเฉย บ้านเราอาจกลายเป็นฐานของขบวนการโกงระดับโลก ก่อนที่สุภาษิตจะเตือนอีกครั้ง “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้”
