วันพฤหัสบดี, กันยายน 25, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT ระลอกคลื่นแห่งความตึงเครียดที่ชายแดน ...

 ระลอกคลื่นแห่งความตึงเครียดที่ชายแดน ไทย–กัมพูชา

เผยแพร่

spot_img

ความเงียบของบางประเทศ อาจเสียงดังยิ่งกว่าระเบิดที่ชายแดน

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ปรากฏภาพความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากพนมเปญ  ซึ่งเป็นพัฒนาการสำคัญที่สะท้อนความวิตกต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

                รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า  ทหารไทย 3 นายในสังกัดหน่วยลาดตระเวน ถูกกับระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณเนิน 481 อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โดยหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องถูกตัดขา

                กองทัพไทยเปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดที่ใช้เป็นชนิด PMN‑2 ซึ่ง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดที่เพิ่งถูกวางใหม่ จะหมายถึงการละเมิดอนุสัญญาต้านทุ่นระเบิด (Ottawa Treaty) ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคีร่วมลงนาม

              กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ได้เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำพนมเปญกลับเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับใด

               ขณะที่รัฐบาลกัมพูชา ยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มีรายงานว่า บุคคลสาธารณะและผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์บางส่วนในกัมพูชา ได้แสดงความเห็นเชิงล้อเลียนต่อเหตุการณ์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง

                เหตุการณ์นี้สะท้อนความเปราะบางของความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ที่มีประวัติความขัดแย้งฝังลึกในระดับประชาชนและในเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐ แม้ในระดับนโยบายจะเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน แต่การจัดการพื้นที่ชายแดนยังคงเป็นจุดอ่อนไหวอย่างยิ่ง

                 มาตรการเรียกทูตกลับ ถือเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ของความไม่พอใจทางการทูต   อันเป็นการ “ลดระดับ” ความสัมพันธ์โดยตรง   ถือเป็นการเตือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังเดินเข้าสู่ช่วงที่ต้องมีการทบทวนและประเมินท่าทีอย่างรอบคอบมากขึ้น

                 เรามึความเห็นว่า  สถานการณ์เปราะบางเช่นนี้ไม่ควรผลีผลามคล้อยตามไปกับการกระพือทั้งการปฏิบัติการทางทหาร และข่าวสารหลากหลาย

                 การหาช่องทางเพื่อเจรจาระดับทหารในพื้นที่ ควรได้รับการเร่งรัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้หรือความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น     และหากจะได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย–กัมพูชา เพื่อตรวจสอบและพิสูจน์ชนิดของทุ่นระเบิด รวมถึงที่มาของเหตุการณ์ด้วย ก็จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ทางหนึ่ง

                สิ่งที่ไม่อาจมองข้าม  คือการดำเนินการผ่านช่องทางพหุภาคี เช่น ASEAN หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งหากฝ่ายกัมพูชาไม่มีการตอบสนองที่ชัดเจน

ข่าวล่าสุด

จากกรณีถนนทรุดยุบลงไปเป็นหลุมลึก บริเวณสถานีวชิรพยาบาล โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง

ภาพเหตุการณ์จะเห็นว่ามีเหมือนดินเรียบ ๆ เป็นกำแพงลงลึกไป จริง ๆ เป็นคอนกรีตกำแพงกันดินของสถานีรถไฟฟ้า กำแพงกันดินจะเป็นเหมือนกล่องที่อยู่ใต้ดิน แล้วภายในกล่องก็เป็นสถานี มีชานชาลา มีรางรถไฟ

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

 โศกนาฏกรรม “ถนนสามเสน” อุทาหรณ์จากรอยต่อที่เปราะบาง

เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. 2568 ถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลต้องหยุดนิ่ง เมื่อพื้นผิวจราจรทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร ต้องทำให้ทั้งทรัพย์สินและเสาไฟฟ้า สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

“ชีวิต อุทิศเพื่อสยาม” ฝรั่งทั้งครอบครัวโอนใจเป็นไทย!…ตั้งโรงเรียนแพทย์…คิดพิมพ์ดีดภาษาไทย!!…

สมัยที่ประเทศไทยยังไม่มีความสะดวกสบายเหมือนทางตะวันตก แต่วิถีชีวิตความเป็นไทยก็มีเสน่ห์ ทำให้คนหลายชาติหลายภาษาเลือกเอาเมืองไทยเป็นเรือนตายแทนถิ่นเกิด หลายคนกลายเป็นต้นสกุลไทยในวันนี้ และได้สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยไว้มากราย…

ข่าวอื่นๆ

 โศกนาฏกรรม “ถนนสามเสน” อุทาหรณ์จากรอยต่อที่เปราะบาง

เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. 2568 ถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลต้องหยุดนิ่ง เมื่อพื้นผิวจราจรทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร ต้องทำให้ทั้งทรัพย์สินและเสาไฟฟ้า สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

การรับมือการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูขาต้องใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุกในการจัดการปัญหาชายแดน

จากรายงานข่าวที่สะท้อนให้เห็นถึงการที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงและใช้การบิดเบือนข้อมูลเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตน แนวทางของรัฐบาลไทยที่มอบอำนาจให้ฝ่ายทหารตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จึงเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของยุทธศาสตร์ทั้งหมดที่ต้องนำมาใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้

“ภูมิใจไทยกับปรากฏการณ์ ‘ส.ส. ไหลเข้า  เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว…อุดมการณ์เขยื้อนตาม?”

หลังจากการโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดูเหมือนว่ากระแสการ "ย้ายบ้าน" ของ ส.ส. ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการมุ่งหน้าสู่พรรคภูมิใจไทยที่กลายเป็น "ขั้วอำนาจใหม่" แห่งทำเนียบรัฐบาล