วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 9, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTวิกฤตความน่าเชื่อถือข้าราชการการเมืองไทย

วิกฤตความน่าเชื่อถือข้าราชการการเมืองไทย

เผยแพร่

spot_img

 การที่ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในทีมงานของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบอำนาจทางกฎหมายจาก นายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) เพื่อยื่นฟ้องหมิ่นประมาท สส. รังสิมันต์ โรม จากการกล่าวหาพาดพิงถึงความเชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์และธุรกิจสีเทา นับเป็นเหตุการณ์ที่สั่นคลอน มาตรฐานจริยธรรมสากล ของรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง

                              ข้อเท็จจริงที่สร้างความย้อนแย้ง คือ ขณะที่รัฐบาลไทยประกาศเป็นวาระแห่งชาติในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างสแกมเมอร์อย่างแข็งขัน แต่ “คนใน” กลไกอำนาจรัฐกลับปรากฏตัวในฐานะผู้ปกป้องทางกฎหมายให้กับบุคคลที่ถูกตั้งคำถามถึงที่มาของความมั่งคั่งและความสัมพันธ์กับทุนสีเทา 

                             ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างนายเบน สมิท กับเครือข่ายอำนาจการเมือง รวมถึงการที่ ร.อ. ธรรมนัส ยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคย ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ขยายตัวจากเรื่องส่วนตัวไปสู่ วิกฤตความเชื่อมั่นต่อธรรมาภิบาล (Crisis of Governance) ของรัฐบาลโดยรวม

                           การกระทำดังกล่าวถือเป็นการ ขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ (Conflict of Interest) อย่างโจ่งแจ้งและบ่อนทำลายความชอบธรรมของนโยบายรัฐบาลอย่างไม่อาจยอมรับได้ตามหลักสากล

                           การที่ข้าราชการการเมืองใช้สถานะและเครือข่ายของตนมา เป็นเครื่องมือทางกฎหมายให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทำให้เกิดการตีความว่ารัฐบาลกำลังใช้ “ยุทธศาสตร์สองหน้า” โดยมือหนึ่งโฆษณาการปราบปราม แต่ด้วยอีกมือหนึ่งกลับให้ความช่วยเหลือแก่เครือข่ายที่ควรจะเป็นเป้าหมายของการปราบปรามเสียเอง

                        นี่คือการจุดอันตรายต่อหลักนิติรัฐ เพราะมันสะท้อนว่า เส้นแบ่งระหว่างอำนาจรัฐ หน้าที่สาธารณะ และผลประโยชน์ส่วนตัว/พวกพ้อง ได้ถูกทำให้เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง 

                       นอกจากนี้ เมื่อนักข่าวพยายามสอบถามนายกรัฐมนตรีถึงความเหมาะสม นายกฯ กลับเลือกที่จะ “โอนภาระความรับผิดชอบ” ไปให้ ร.อ. ธรรมนัส เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเป็นการแสดงออกที่ชี้ให้เห็นว่าผู้นำรัฐบาลเลือกที่จะ “รักษาระยะห่าง” เพื่อปกป้องตำแหน่งของตนเอง โดยยอมให้ประเด็นทางจริยธรรมนี้ถูกยกระดับให้เป็น “ปัญหาภายในกระทรวง” แทนที่จะเป็น “ปัญหาความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ”

                       เรื่องนี้  เป็นบททดสอบความจริงใจ (Test of Sincerity) ของรัฐบาลในการต่อต้านอาชญากรรมอย่างแท้จริง การที่บุคลากรในกลไกอำนาจรัฐอาสารับหน้าเป็นหัวหอกในการฟ้องคดีเพื่อ “ปิดปาก” นักการเมืองฝ่ายตรวจสอบที่ทำหน้าที่ในสภาฯ ยิ่งตอกย้ำข้อกล่าวหาว่า นี่อาจเป็นการใช้กลไกทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการ ข่มขู่ผู้เปิดโปง (SLAPP – Strategic Lawsuit Against Public Participation) ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกต่อต้านอย่างหนัก

                        หากรัฐบาลไทยไม่เร่งดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมอย่างโปร่งใสและเด็ดขาดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และกำหนดมาตรฐานการวางตัวที่เข้มงวดสำหรับข้าราชการการเมืองอย่างเร่งด่วน ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในเวทีโลกก็จะถูกลดทอนลงจนเหลือเพียง “ความว่างเปล่า” เนื่องจากรัฐบาลมิได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในด้านจริยธรรมที่จำเป็นต้องมีในการนำพาประเทศไปสู่ความโปร่งใสและธรรมาภิบาล

ข่าวล่าสุด

เปิดโปง “เสือนอนกิน” ใต้ร่มเงาสลากฯ

ข้อเท็จจริงที่ตอกย้ำความไม่เป็นธรรม คือ สำนักงานสลากฯ ได้จัดสรรโควต้ากว่า 145,095 เล่ม (คิดเป็น 13.82%) ให้แก่องค์กร สมาคม และมูลนิธิต่างๆ แต่หลังจากนั้นกลับ "ปัดความรับผิดชอบ"

ทรัมป์จะทะยอยปราชัยในทุกเรื่องที่เขาก่อการร้ายๆ ให้กับโลก

ทรัมป์ เจรจากับสีจิ้นผิงที่ปูซาน เมื่อ 6 วันที่ผ่านมา อ่านแล้วเดาอนาคตของโลกได้

โถส้วมทองคำชื่อ “America” ประมูลขายราคา $10 ล้าน

โถสุขภัณฑ์ทองคำ 18 กะรัต น้ำหนักกว่า 103 กิโลกรัม ผลงานชื่อ “America” ของศิลปินแนวคอนเซปชวลชาวอิตาเลียน เมาริซิโอ คัตเตลาน (Maurizio Cattelan) เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016

ข่าวอื่นๆ

เปิดโปง “เสือนอนกิน” ใต้ร่มเงาสลากฯ

ข้อเท็จจริงที่ตอกย้ำความไม่เป็นธรรม คือ สำนักงานสลากฯ ได้จัดสรรโควต้ากว่า 145,095 เล่ม (คิดเป็น 13.82%) ให้แก่องค์กร สมาคม และมูลนิธิต่างๆ แต่หลังจากนั้นกลับ "ปัดความรับผิดชอบ"

สันติภาพชาติหน้า!

ทุกครั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียด พนมเปญจะหยิบเรื่องมากล่าวร้ายไทยก็มักไม่พ้นประเด็นปราสาทพระวิหาร เรียกได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จที่คิดค้นกันไว้นานแล้ว

กัมพูชา “โชว์ถอนอาวุธหนัก!

กัมพูชาเปิดปฏิบัติการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ภายใต้ข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ระยะที่ 1