ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568เวลา 09.30 น. หากไม่มาศาลถือว่าไม่ติดใจ จากกรณีคำร้องให้วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เหตุคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซน
ขณะที่กระบวนการพิจารณาเดินหน้า กระแสการเมืองยังตั้งคำถามถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีว่าจะตัดสินใจลาออกก่อนศาลอ่านคำวินิจฉัยหรือไม่ โดยมีการคาดการณ์ว่าหากจะตัดสินใจ อาจเป็นหลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านความเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎร แม้การลาออกก่อนหรือหลังคำวินิจฉัยอาจไม่ทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนมากนัก แต่ผลต่อภาพลักษณ์ของผู้นำรัฐบาลย่อมแตกต่างกัน
จากบริบทพฤติการณ์ที่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการบริหารปัญหาความมั่นคงและการสื่อสารทางการเมือง เห็นได้ว่าภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีกำลังเผชิญแรงกดดันสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตที่ต้องการเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือในระดับสูง กระแสสังคมที่สะสมต่อเนื่อง รวมถึงการชุมนุม 2 ครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีข้อเรียกร้องให้ลาออกเพื่อคลี่คลายปัญหาการเมือง กลับไม่ได้รับการตอบสนอง แม้ผลสำรวจความคิดเห็นจากหลายสำนักสะท้อนคะแนนนิยมอยู่ในระดับต่ำ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้นำคนนี้ได้
ไม่ว่าผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 สิงหาคมจะเป็นอย่างไร การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาก่อนถึงวันนั้น จะมีผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและภาพรวมทางการเมือง หากมองในมิติประโยชน์ประเทศ การยุติบทบาทโดยสมัครใจอาจเป็นทางเลือกที่ลดแรงปะทะทางการเมือง และช่วยเปิดทางให้ประเทศเดินหน้าภายใต้สถานการณ์ที่้เคร่งเครียดอาจได้ผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจมากกว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน