วันพฤหัสบดี, กันยายน 25, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT "สันติภาพชายแดน" หรือ "กับดักการทูต"? ศึกเจรจาไทย-กัมพูชา ณ กัวลาลัมเปอร์ กับเดิมพันที่มากกว่าแค่ "ดินแดน"

 “สันติภาพชายแดน” หรือ “กับดักการทูต”? ศึกเจรจาไทย-กัมพูชา ณ กัวลาลัมเปอร์ กับเดิมพันที่มากกว่าแค่ “ดินแดน”

เผยแพร่

spot_img

  จาก 4-6 สิงหาคม 2568 หลังจากการประชุม GBC ระดับฝ่ายเลขานุการของทั้งสองประเทศ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไทยและกัมพูชาเตรียมลงนามในข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ซึ่งถูกมองว่าเป็นผลสำเร็จที่ไทยได้เปรียบทางยุทธศาสตร์นั้น

  ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมมาตรการสำคัญ เช่น การหยุดยิงเด็ดขาด การห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง และการจัดตั้งกลไกประสานงานร่วม ซึ่งสะท้อนถึงเจตจำนงของไทยในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาในระยะยาว ขณะที่การยอมรับของกัมพูชามีปัจจัยจากแรงกดดันนานาชาติและข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ

                การลงนามครั้งนี้ยังได้รับความสนใจอย่างสูงจากนานาชาติ โดยมีจีนและสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของความขัดแย้งในครั้งนี้ ทั้งสองมหาอำนาจต่างมีเป้าหมายในการขยายอิทธิพลและแสดงบทบาทในฐานะผู้สร้างสันติภาพในภูมิภาค           การมีผู้สังเกตการณ์ระดับโลกจึงเป็นหลักประกันสำคัญที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้กับข้อตกลง

                อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงหยุดยิงนี้เป็นเพียง “ก้าวแรก” ในการแก้ไขปัญหา การดำเนินการตามข้อตกลงในทางปฏิบัติจะเป็นบททดสอบที่แท้จริง โดยเฉพาะการประชุมระดับผู้บัญชาการทหารภูมิภาค (RBC) ที่ต้องเกิดขึ้นภายใน 7 วัน ซึ่งจะพิสูจน์ถึงความตั้งใจจริงของทั้งสองฝ่ายในการรักษาสันติภาพและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

             สันติภาพชายแดนของไทย-กัมพูชา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่  เห็นว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางการทูตที่ยาวไกล แม้ข้อตกลงจะดูเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย แต่ “กับดัก” ที่แท้จริงคือความสามารถในการแปลงข้อตกลงบนกระดาษให้เป็นการปฏิบัติที่ยั่งยืนในพื้นที่

               การมีส่วนร่วมของมหาอำนาจโลกเป็นเพียงเกราะป้องกันชั้นนอก แต่การจะยุติความขัดแย้งอย่างแท้จริงได้นั้น ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของไทยและกัมพูชาในการเดินหน้าเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหารากเหง้าเรื่องเขตแดนอย่างสันติและจริงจัง  สำคัญแต่ว่า ท่าทีของกัมพูชาแต่ต้นปราศจากความรับผิดชอบใด ๆ ที่ก่อขึ้น  และในที่สุดจะจริงใจแค่ไหนในการแก้ปัญหา

ข่าวล่าสุด

จากกรณีถนนทรุดยุบลงไปเป็นหลุมลึก บริเวณสถานีวชิรพยาบาล โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง

ภาพเหตุการณ์จะเห็นว่ามีเหมือนดินเรียบ ๆ เป็นกำแพงลงลึกไป จริง ๆ เป็นคอนกรีตกำแพงกันดินของสถานีรถไฟฟ้า กำแพงกันดินจะเป็นเหมือนกล่องที่อยู่ใต้ดิน แล้วภายในกล่องก็เป็นสถานี มีชานชาลา มีรางรถไฟ

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

วิธีจับงูอย่างง่ายๆ ขวดน้ำพลาสติกเปล่าควรจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร

 โศกนาฏกรรม “ถนนสามเสน” อุทาหรณ์จากรอยต่อที่เปราะบาง

เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. 2568 ถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลต้องหยุดนิ่ง เมื่อพื้นผิวจราจรทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร ต้องทำให้ทั้งทรัพย์สินและเสาไฟฟ้า สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

“ชีวิต อุทิศเพื่อสยาม” ฝรั่งทั้งครอบครัวโอนใจเป็นไทย!…ตั้งโรงเรียนแพทย์…คิดพิมพ์ดีดภาษาไทย!!…

สมัยที่ประเทศไทยยังไม่มีความสะดวกสบายเหมือนทางตะวันตก แต่วิถีชีวิตความเป็นไทยก็มีเสน่ห์ ทำให้คนหลายชาติหลายภาษาเลือกเอาเมืองไทยเป็นเรือนตายแทนถิ่นเกิด หลายคนกลายเป็นต้นสกุลไทยในวันนี้ และได้สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยไว้มากราย…

ข่าวอื่นๆ

 โศกนาฏกรรม “ถนนสามเสน” อุทาหรณ์จากรอยต่อที่เปราะบาง

เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. 2568 ถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลต้องหยุดนิ่ง เมื่อพื้นผิวจราจรทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร ต้องทำให้ทั้งทรัพย์สินและเสาไฟฟ้า สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

การรับมือการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูขาต้องใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุกในการจัดการปัญหาชายแดน

จากรายงานข่าวที่สะท้อนให้เห็นถึงการที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงและใช้การบิดเบือนข้อมูลเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตน แนวทางของรัฐบาลไทยที่มอบอำนาจให้ฝ่ายทหารตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จึงเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของยุทธศาสตร์ทั้งหมดที่ต้องนำมาใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้

“ภูมิใจไทยกับปรากฏการณ์ ‘ส.ส. ไหลเข้า  เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว…อุดมการณ์เขยื้อนตาม?”

หลังจากการโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดูเหมือนว่ากระแสการ "ย้ายบ้าน" ของ ส.ส. ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการมุ่งหน้าสู่พรรคภูมิใจไทยที่กลายเป็น "ขั้วอำนาจใหม่" แห่งทำเนียบรัฐบาล