วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTส่องบทบาทประเทศไทยบนเวที UNHCR  ยืนหยัดหลักมนุษยธรรมท่ามกลางไฟสงครามชายแดน

ส่องบทบาทประเทศไทยบนเวที UNHCR  ยืนหยัดหลักมนุษยธรรมท่ามกลางไฟสงครามชายแดน

เผยแพร่

spot_img

ตอกย้ำภาพผู้นำอาเซียนที่ใช้ “การทูตนำ”

                          นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ 76 ณ นครเจนีวา

                          ทั้งนี้  ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยในการเป็นผู้ให้ที่พักพิงและส่งเสริมหลักมนุษยธรรมแก่ ผู้พลัดถิ่น และ ผู้ไร้รัฐไร้สัญชาติ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการอนุญาตให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมากว่า 77,000 คน สามารถ ทำงานนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ได้ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สอดคล้องกับหลักการสากลและประโยชน์ของชาติ

                         ในภาพรวม การประกาศความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ และการให้ความคุ้มครองแก่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงชาวโรฮีนจา ได้รับการจับตาและชื่นชมจากนานาประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นของไทย ในการยกระดับการจัดการปัญหาผู้พลัดถิ่นให้เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ และตอกย้ำภาพลักษณ์ของไทยในฐานะผู้เล่นที่รับผิดชอบบนเวทีโลก

                          บทบาทของไทยในการยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและกฎหมาย  ระหว่างประเทศยิ่งทวีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพิจารณาควบคู่ไปกับสถานการณ์ตึงเครียดตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีเหตุ ปะทะที่กัมพูชาก่อเหตุ จนนำมาซึ่งความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และการละเมิดอธิปไตยของไทย แทนที่จะใช้มาตรการทางทหารที่รุนแรงเพื่อตอบโต้ ไทยกลับเลือกใช้แนวทาง “การทูตนำ” และการตอบโต้ตามหลักสากลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

                          แนวทางดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสุขุม รอบคอบ และความเป็นผู้ใหญ่ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ โดยเปรียบเทียบกับพฤติการณ์ของกัมพูชาที่มิเพียงแต่ ละเมิดข้อตกลงและตระบัดสัตย์ เท่านั้น แต่ยังใช้ โซเชียลมีเดียให้ร้าย และ ไม่ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและสวนทางกับหลักปฏิบัติอันดีงามของรัฐที่รับผิดชอบ

                         อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงชื่นชมจากประชาคมโลกต่อการทูตอันนุ่มนวลและหลักมนุษยธรรมของไทย   ท่่มีความเป็น  “สุภาพบุรุษ” ที่มากเกินไปในการรับมือกับเพื่อนบ้านที่ไม่ยี่หระต่อข้อตกลง อาจทำให้ไทยต้องแบกรับภาระและถูกเอาเปรียบทางการเมืองในระยะยาว

                         การเลือกใช้การทูตเป็นเกราะกำบังในการปะทะที่ถูกยั่วยุอยู่เสมออาจทำให้ดูเหมือนว่าไทย “ใจดี” เกินไปหรือไม่? หรือแท้จริงแล้ว นี่คือการแสดง “พลังอำนาจแบบซอฟต์พาวเวอร์” ที่เหนือกว่าการใช้กำลัง โดยเลือกให้ “มารยาท” และ “ความน่าเชื่อถือ” ในเวทีสากล เป็นอาวุธที่ทรงพลังกว่าการตอบโต้ที่ไร้สติ เพื่อให้ประชาคมโลกได้เห็นความแตกต่างระหว่าง “ผู้นำที่มีวุฒิภาวะ” กับ “เพื่อนบ้านที่ทำตัวเป็นเด็กเกเร” อย่างชัดเจนที่สุด

                         ดังนั้น บทบาทของประเทศไทยในการยืนหยัดบนหลักการ มนุษยธรรม และ การทูตอย่างสร้างสรรค์ ในเวทีโลก ไม่เพียงแต่เป็นการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำสถานะของไทยในฐานะ สมาชิกสำคัญของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ระดับภูมิภาค

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา