วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTอย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต่างจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงท่าทีของผู้นำทั้งสองประเทศ และบทบาทของประชาคมโลกในการช่วยยุติความขัดแย้งที่กำลังคุกคามสันติภาพในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต่างจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงท่าทีของผู้นำทั้งสองประเทศ และบทบาทของประชาคมโลกในการช่วยยุติความขัดแย้งที่กำลังคุกคามสันติภาพในภูมิภาค

เผยแพร่

spot_img

  ชายแดนไทย-กัมพูชาทำท่าจะดุเดือดยอดผู่เสียชีวิตพุ่งและวิกฤติการณ์การทูตสั่นคลอน

                  สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางรายงานความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการยกระดับการตอบโต้ทางการทูตส่อเค้าว่าความขัดแย้งอาจบานปลายจนยากจะควบคุม

                  การปะทะได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีรายงานการใช้ทั้งอาวุธเบา ปืนใหญ่และจรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชา ขณะที่กองทัพอากาศไทยได้ตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถึง 2 ครั้งในพื้นที่เป้าหมายทางทหารของกัมพูชา

                 มีรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 ราย รวมถึงเด็กด้วยและทหารเสียชีวิต 1 นาย นอกจากนี้ยังมีทหารได้รับบาดเจ็บ 15 นาย และพลเรือนอีก 30 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการโจมตีเป้าหมายพลเรือนและโรงพยาบาลในไทยที่ถูกประณามว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

               ส่วนกัมพูชามีรายงานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย ส่วนใหญ่เป็นทหาร นอกจากนี้ยังมีพลเรือนเสียชีวิต 4 ราย และพระสงฆ์ 1 รูป พร้อมด้วยผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก  ทำให้

สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น จนต้องอพยพประชาชรออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตและการค้าชายแดนที่ต้องหยุดชะงัก

                    ท่ามกลางการปะทะที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศก็เข้าสู่ภาวะวิกฤตเช่นกัน โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับ และดำเนินการขับเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการลดระดับความสัมพันธ์

                            วิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการปะทะทางทหารแต่เป็นการทดสอบครั้งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านและเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียน

                            สิ่งที่ติดตามมาให้ขบคิดและดำเนินการไม่ว่าการตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการและถาวร เพื่อยุติการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและกำลังพลทั้งสองฝ่าย  

                            สิ่งที่เห็นได้ชัดคือผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจชายแดนเมื่อสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ

                            ด้วยความรุนแรงของการปะทะในขณะนี้และการขาดสัญญาณที่ชัดเจนของการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียด คาดว่าสถานการณ์ชายแดนในวันถัด ๆ ไปในสัปดาห์นี้จะยังคงตึงเครียดสูงและมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะย่อยๆขึ้นอีกในหลายพื้นที่ 

                          ยังมีเสียงวิวิจารณ์มากขึ้นและจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงท่าทีของผู้นำฝ่ายไทยที่เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงบทบาทชัดเจนในทางรุกดละตอบโต้อย่างทันการมากไปกว่าประคองสถานการณ์ไว้เท่านั้น

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา