วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT  แม้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเงียบลง แต่ความตึงเครียดกำลังม้วนตัวมากขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ  

  แม้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเงียบลง แต่ความตึงเครียดกำลังม้วนตัวมากขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ  

เผยแพร่

spot_img

 ไทยต้องระมัดระวังไม่ให้ใครมาลอบทำร้ายข้างหลังเท่านั้น
   ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายทางการเมืองภายใน จากวันสุดสัปดาห์การชุมนุมเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และอดีตนายกรัฐมนตรีที่บงการการเมืองอย่างเปิดเผยให้ยุติการกระทำโดยชุมนุมจำนสนมากที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงค่ำ 

                      สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาก็กลับมาเป็นประเด็นที่น่าจับตามองอีกครั้ง จากรายงานข่าวล่าสุดและการนำคณะทูตทหารจากกว่า 20 ประเทศไปตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย บ่งชี้ถึงความพยายามของฝ่ายไทยในการยกระดับประเด็นนี้ให้เป็นที่รับรู้ในระดับนานาชาติ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงจากการปะทะ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณทางการทูตที่แข็งกร้าวไปยังกัมพูชาและประชาคมโลก ถึงความจริงจังของไทยในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน รวมถึงความเสียหายต่อสิ่งสาธารณูปโภคอย่างโรงพยาบาล ทำให้ประเด็นนี้มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากขึ้นกว่าเดิม

                           การนำคณะทูตทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายจากการบุกรุกโจมตีของทหารกัมพูชา ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดของไทยในการสร้างความชอบธรรมให้แก่จุดยืนของตนเองในเวทีโลก การที่สถานทูตทหารจากหลากหลายประเทศได้เห็นร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงด้วยตาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และโรงพยาบาลที่ถูกทำลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกัมพูชาในสายตานานาประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำที่ล้ำเส้นถึงขั้นโจมตีเป้าหมายพลเรือนถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกไม่พอใจในหมู่ประชาชนไทยเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การทบทวนท่าทีของประเทศต่างๆ ที่มีต่อความขัดแย้งนี้

                    ในขณะที่กัมพูชายังคงปฏิเสธความรับผิดชอบหรืออ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่จำเป็น แต่การที่นานาชาติได้รับทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้ข้ออ้างเหล่านั้นขาดน้ำหนักลงไป ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้ การบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลไทย โดยต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของประเทศไว้ให้ได้ด้วยอำนาจของฝ่ายทหารเป็นหลัก

              อดีตผู้นำกัมพูชาที่ยังกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ภายใต้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นบุตร  ยังคงหลงทางกับเกมส์พฤติกรรมเดิม ๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาในอดีต 

             ที่สำคัญกำลังคืบคลานเข้าไปซุกใต้ปีกของมหาอำนาจหวังที่จะให้ปกป้องที่กำลังเพลี่ยงพล้ำทั้งการเมืองภายในและภายนอก

           ไทยไม่น่าจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ทางการเมืองให้ลึกล้ำใด ๆ  เพียงแต่คอยระมัดระวังไม่ให้ใครมาลอบทำร้ายข้างหลังเท่านั้น

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา