วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT การพลิกพลิ้วใช้โซเชียลมีเดียและการปฏิเสธความจริงของกัมพูชา  รอคอยเวลาที่จะกลับไปยังจุดเดิมอีก

 การพลิกพลิ้วใช้โซเชียลมีเดียและการปฏิเสธความจริงของกัมพูชา  รอคอยเวลาที่จะกลับไปยังจุดเดิมอีก

เผยแพร่

spot_img

 เป็นที่ยอมรับกันว่า พฤติกรรมของรัฐบาลกัมพูชาในการปฏิเสธข้อกล่าวหาและการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารทางการเมืองนั้น เป็นภาพสะท้อนถึงการดำเนินนโยบายที่พยายามควบคุมเรื่องเล่า (narrative) ของตัวเองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ความขัดแย้งกับไทย             

   การปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเมิดหยุดยิง การสูญเสียกำลังพล หรือการรุกล้ำอธิปไตย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกัมพูชามีเป้าหมายที่จะสร้างความชอบธรรม (legitimacy) ให้กับการกระทำของตนเองในสายตาของประชาชนภายในประเทศและประชาคมโลก ด้วยการสร้างภาพให้ไทยเป็นฝ่ายผิดตลอดโดยไม่คำนึงถึงหลักฐานและเหตุผลใด ๆ 

                 การใช้โฆษกกระทรวงกลาโหมเป็นหลักในการสื่อสาร ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงนานาชาติว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นด้านความมั่นคงที่สำคัญสำหรับกัมพูชา และเป็นการยกระดับความขัดแย้งให้มีความตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลในระดับหนึ่งในการดึงดูดความสนใจจากสื่อต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ

                  การที่นานาชาติ  อาทิ ญี่ปุ่นและเวียดนามเริ่มแสดงท่าทีที่ชัดเจนนั้น แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของกัมพูชาเริ่มส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ยอมรับข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏชัดแจ้ง ถือเป็นการละเมิดบรรทัดฐานสากล (international norms) ในการเจรจาและการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ 

                  การที่เวียดนามซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกัมพูชามาโดยตลอด เลือกที่จะส่งรองนายกรัฐมนตรีมาเยือนไทยและพร้อมให้การสนับสนุน สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของเวียดนามต่อเสถียรภาพในภูมิภาค และเป็นสัญญาณที่สำคัญว่า แม้แต่พันธมิตรที่ใกล้ชิดก็อาจไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมที่ไม่เป็นสากลของกัมพูชา 

                      การที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ก็มองว่าพฤติกรรมนี้ไม่ถูกต้อง ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการใช้กลยุทธ์ “ปฏิเสธทุกกรณี” อาจไม่ได้ผลอีกต่อไปในสายตาของนานาชาติ และอาจทำให้กัมพูชาถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่บ่อนทำลายความพยายามในการสร้างสันติภาพในภูมิภาค

                         การประชุมทวิภาคีที่มาเลเซียในสัปดาห์อาจประสบปัญหา ก็เป็นมุมมองที่สอดคล้องกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของกัมพูชา 

                       หากกัมพูชายังคงยึดมั่นในแนวทางเดิม คือการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ก็เป็นเรื่องยากที่การเจรจาจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนได้ 

                       การขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและการใช้การเจรจาเป็นเพียงเวทีเพื่อกล่าวโทษฝ่ายตรงข้าม จะทำให้ความเชื่อมั่นระหว่างสองประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และอาจทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ 

                       ดังนั้น  ไทยจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ  เพราะการเจรจาในมาเลเซียก็คงจะเห็นพฤติกรรมเดิมของกัมพูชาที่ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี   คงใช้เวลาหาโอกาสสร้างสถานการณ์โดยกลับไปยังจุดเดิมอีก                    

                 

ข่าวล่าสุด

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภา ความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิป สนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด แพทองธาร-เลขาธิการสภาความมั่นคงไต่สวนวันที่ 21 สิงหาคม ปมคลิปสนทนาฮุนเซน จากนั้นนัดลงมติตัดสินคดี 29 สิงหาคม

 รู้ไหมว่า… อีกา “เข้าหามด” เวลาป่วย?

รู้ไหมว่า... อีกา "เข้าหามด" เวลาป่วย? แม้จะฟังดูประหลาด แต่นี่คือสัญชาตญาณอันชาญฉลาดของนกอีกา!

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงและคำมั่นต่อเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชายังคงถูกกล่าวหาว่าละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศต้องประท้วงเป็นครั้งที่ 4 ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พฤติกรรมเช่นนี้กำลังบั่นทอนความไว้วางใจ และอาจทำให้กัมพูชาเผชิญแรงกดดันรอบด้านจากประชาคมโลก

ข่าวอื่นๆ

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน

กัมพูชายังวางทุ่นระเบิดซ้ำซาก ไทยประท้วงครั้งที่ 4 เสียงสันติภาพที่ถูกกลบด้วยระเบิดชายแดน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงและคำมั่นต่อเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชายังคงถูกกล่าวหาว่าละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศต้องประท้วงเป็นครั้งที่ 4 ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พฤติกรรมเช่นนี้กำลังบั่นทอนความไว้วางใจ และอาจทำให้กัมพูชาเผชิญแรงกดดันรอบด้านจากประชาคมโลก

ข้อตกลงหลังหยุดยิงกำลังจะไร้ความหมาย 

ข้อตกลงหลังหยุดยิงกำลังจะไร้ความหมาย เมื่อ กัมพูชายังแสดงพฤติกรรมปฏิเสธทุกเรื่องที่ตนก่อขึ้น ขณะ ไทยอดทนตีแผ่ความจริงท่ามกลางการรับรู้กว้างขวาง

  แม้ไทยจะยืนยันดำเนินการตามอนุสัญญาเจนีวาอย่างเคร่งครัด  แต่กัมพูชากลับเร่งเร้าให้ส่งคืนเชลยศึก 18 นายในทันที

แม้ไทยจะยืนยันดำเนินการตามอนุสัญญาเจนีวาอย่างเคร่งครัด แต่กัมพูชากลับเร่งเร้าให้ส่งคืนเชลยศึก 18 นายในทันที พร้อมใช้สงครามข้อมูลข่าวสารปั้นภาพเหยื่อบนเวทีโลก ทั้งที่ข้อเท็จจริงสะท้อนการละเลยทหารของตนเองที่เสียชีวิตแนวชายแดนภาพลักษณ์ห่วงใยด้านมนุษยธรรมที่ฉาบบางด้วยเจตนาทางการเมือง