พร้อมใช้สงครามข้อมูลข่าวสารปั้นภาพเหยื่อบนเวทีโลก ทั้งที่ข้อเท็จจริงสะท้อนการละเลยทหารของตนเองที่เสียชีวิตแนวชายแดนภาพลักษณ์ห่วงใยด้านมนุษยธรรมที่ฉาบบางด้วยเจตนาทางการเมือง
ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชาเดินเข้าสู่โหมด “การเมืองเชลยศึก” เมื่อกัมพูชากดดันให้ไทยส่งตัวทหาร 18 นายกลับประเทศโดยอ้างหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ขณะที่ไทยยืนยันว่า การควบคุมตัวยังเป็นไปตามมาตรฐานสากล และเปิดให้ ICRC เข้าตรวจสอบตั้งแต่ต้น ทั้งยังชี้ว่าการส่งคืนต้องเกิดหลัง “การหยุดยิงอย่างแท้จริง” เพื่อป้องกันการกลับไปร่วมสู้รบอีกครั้ง ท่ามกลางนี้ กัมพูชากลับเน้นการสื่อสารเชิงอารมณ์มากกว่าการชี้แจงข้อเท็จจริงทางกฎหมาย
การขับเคลื่อนของพนมเปญจึงไม่ใช่แค่เรื่องทหาร 18 นาย แต่เป็นกลยุทธ์ในสมรภูมิข่าวสาร ใช้โฆษกและสื่อของรัฐสร้างภาพไทยเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง ขณะที่ภาพความสูญเสียของทหารกัมพูชาที่ถูกทอดทิ้งแนวชายแดนกลับถูกกลบเสียงและปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง การสร้างวิดีโอจำลองเหตุโจมตีและการบิดเบือนเหตุการณ์จริงกลายเป็นเครื่องมือปลุกชาตินิยม มากกว่าการเสนอสถานการณ์อย่างโปร่งใส
ท้ายที่สุด บทบาทของกัมพูชาในครั้งนี้สะท้อนพฤติกรรมซ้ำซาก โฟกัส “ทหารที่ถูกจับ” เพื่อสะท้อนความเป็นเหยื่อ แต่ลืม “ทหารที่ล้มตาย” ซึ่งเป็นคนของตัวเอง
กัมพูชา ยังคงใช้เวทีโลกเป็นโรงละคร บทพูดคือมนุษยธรรม แต่ฉากหลังคือการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายใน และเมื่อบทละครนี้เล่นซ้ำบ่อยพอ คนดูเริ่มจำได้ขึ้นใจว่าพลอตเดิมนี้… ผู้กำกับก็ยังเป็นคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ใกล้เวลาที่นานาประเทศจะรุมกันประณามแล้ว