วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกวัฒนธรรม ชีวิต“เหล้าแป้” ของดีจังหวัดแพร่ สร้างรายได้แล้วกว่า 3,600 ล้านบาท  

“เหล้าแป้” ของดีจังหวัดแพร่ สร้างรายได้แล้วกว่า 3,600 ล้านบาท  

เผยแพร่

spot_img

“เหล้าแป้” ของดีจังหวัดแพร่ สร้างรายได้แล้วกว่า 3,600 ล้านบาท หลังรัฐบาลเดินหน้า สร้างโอกาส ยกระดับสินค้าแปรรูปภาคการเกษตรขึ้นทะเบียน GI แล้ว

วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าการแข่งขันพร้อมยกระดับสินค้าแปรรูปภาคการเกษตร รัฐบาล โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการยกระดับสินค้าด้านการเกษตร ผ่านการประกาศขึ้นทะเบียน “เหล้าแป้” สุราพื้นบ้าน ให้เป็นสินค้า GI ลำดับที่ 3 ของจังหวัดแพร่ ต่อจากสินค้าผ้าหม้อห้อมแพร่ และส้มโอขาวน้ำผึ้งเมืองลอง 

 นายอนุกูล กล่าวว่า “เหล้าแป้” เป็นสุรากลั่น ประเภทสุราขาว ด้วยลักษณะจุดเด่นที่มีการกลั่นจากน้ำส่าหรือน้ำสุราแช่ ที่ได้มาจากการหมักข้าวด้วยลูกแป้ง ผ่านกระบวนการหมักด้วยสมุนไพรท้องถิ่นหลายชนิด และในขั้นตอนการกลั่นสุรา ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบร้อนชื้น จึงทำให้มีผลกระตุ้นต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ท้องถิ่น ส่งผลทำให้เหล้าแป้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว และมีความโดดเด่น อาทิ มีรสชาติที่เผ็ดร้อน หรือนุ่มละมุน มีความใส ไม่มีสี ไม่มีตะกอน และมีกลิ่นหอม 

นอกจากนี้ความโดดเด่นของเหล้าแป้ ไม่เพียงแต่รสชาติที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ด้วยขั้นตอนการทำยังถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นับวัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่จังหวัดแพร่ ที่ได้รับการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทำให้เหล้าแป้จึงเป็นสุราที่มีทั้งเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นที่นิยมของผู้บริโภคสุราพื้นบ้านทั่วประเทศ จนมีประโยคที่ว่า “เหล้าที่ดีที่สุด คือ เหล้าแป้” 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเหล้าแป้ได้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าและอุตสาหกรรมสำคัญที่ได้สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดแพร่ ไปแล้วกว่า 3,600 ล้านบาทต่อปี 

“การยกระดับสินค้าเกษตรเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับเกษตรกร ผ่านการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตและการแปรรูป ทั้งนี้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และรายได้ให้เกษตรกรในชุมชนอย่างยั่งยืน รัฐบาลพร้อมขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการค้าให้ภาคการเกษตร ผ่านการยกระดับสินค้าไทยด้วยการขึ้นทะเบียน GI ไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งยังเป็นการควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญเพื่อขยายตลาดการส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุกูล  ระบุ

ข่าวล่าสุด

วิกฤตความน่าเชื่อถือข้าราชการการเมืองไทย

การที่ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในทีมงานของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบอำนาจทางกฎหมายจาก นายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) เพื่อยื่นฟ้องหมิ่นประมาท สส. รังสิมันต์ โรม

รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ

รัฐบาลจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง "หม่วง" ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน

“เมืองน้ำที่หลงลืมตัวเอง”

ประเทศไทยเคยเป็นเมืองที่เข้าใจน้ำ เราอยู่กับมันได้อย่างคึกคักและงดงามราวบทเห่ของดินฟ้า เราปลูกข้าวตามน้ำ เราไปมาหาสู่กันโดยล่องเรือตามน้ำ และเราสร้างบ้านเผื่อให้น้ำเข้ามาทักทายได้ทุกปี

ข่าวอื่นๆ

ผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง "หม่วง" ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน

ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา ผู้ถูกคัดเลือกไปเรียนการฝีมือที่ญี่ปุ่นสมัย ร.๖

สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงเห็นชอบในพระราชดำริ จึงทรงเลือกกุลสตรี 4 คน ซึ่งประกอบไปด้วย คุณหลี, คุณพิศ, คุณนวล, และคุณขจร หรือท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา ท่านผู้หญิงขจรกับคุณพิศ ไปเรียนวิชาปักสะดึง และวาดเขียนแบบญี่ปุ่น ส่วนคุณหลีและคุณนวล ไปเรียนการทำดอกไม้แห้ง

บทบันทึกเลือด น้ำตา และแรงงานชาวแต้จิ๋ว ฝ่าคลื่นลมบน “เรือหัวสีแดง” จากซัวเถา สู่สยาม…

เมื่อเอ่ยถึงอภิมหาเศรษฐีเชื้อสายจีนในประเทศไทย หลายคนอาจนึกถึงภาพความหรูหรา และความมั่งคั่งทางธุรกิจที่สั่งสมข้ามรุ่นมาหลายชั่วอายุคน หากแต่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เหล่านี้คือภาพอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยการพลีชีพและความเจ็บปวด