วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกสรุปเรื่องซับซ้อนสหรัฐสั่งถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติกว่า 6 พันราย อยู่เกินกำหนดฝ่าฝืนกฎหมาย บางส่วนหนุนก่อการร้าย

สหรัฐสั่งถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติกว่า 6 พันราย อยู่เกินกำหนดฝ่าฝืนกฎหมาย บางส่วนหนุนก่อการร้าย

เผยแพร่

spot_img

เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 18 ส.ค.ว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งเพิกถอนวีซ่านักเรียนมากกว่า 6,000 ราย อันเนื่องมาจากการอยู่เกินกำหนดและฝ่าฝืนกฎหมาย รวมถึงบางส่วนที่สนับสนุนการก่อการร้าย

เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการเพิกถอนวีซ่านักเรียนประมาณ 4,000 ราย จากการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย คดีขับรถขณะมึนเมา(DUI) ใช้สารเสพติดและการลักทรัพย์

วีซ่านักเรียนอีกประมาณ 200–300 รายถูกเพิกถอนเพราะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย โดยอ้างอิงกฎเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของผู้ขอวีซ่าตามคู่มือกิจการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าผู้ขอวีซ่าจะถือว่าไม่เหมาะสม หากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมก่อการร้ายหรือมีความเชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายบางแห่ง

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่านักเรียนที่ถูกเพิกถอนวีซ่าสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์มีนโยบายที่เข้มงวดเป็นพิเศษกับวีซ่านักเรียนในฐานะส่วนหนึ่งของการปราบปรามการย้ายถิ่นฐาน โดยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผ่านโซเชียลมีเดียและขยายขอบเขตการคัดกรอง 

กระทรวงการต่างประเทศได้กำชับให้บรรดานักการทูตของสหรัฐฯ ในต่างแดนให้เฝ้าระวังผู้ขอวีซ่าคนใดก็ตามที่สหรัฐฯ มองว่าอาจเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ และมีประวัติความเคลื่อนไหวทางการเมือง

ในปีการศึกษา 2566-2567 มีนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 1.1 ล้านคนเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา ตามข้อมูลจาก migrationpolicy.org ถือเป็นสัดส่วนสำคัญของจำนวนนักศึกษาต่างชาติทั่วโลก ซึ่งสหรัฐอเมริกามีนักศึกษาต่างชาติประมาณ 16% จากทั้งหมด 6.9 ล้านคนทั่วโลก  

นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกามาจากจีนและอินเดีย

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ

รัฐบาลจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ดีลยุทธศาสตร์’ ทรัมป์’ยกเว้นภาษีกับไทย กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย’

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญและตลาดสำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ