วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้นสถานีรถใต้ดินยามดึกเงียบงันอย่างผิดธรรมชาติ ความมืดในอุโมงค์ทอดตัวลึกลงไปจนคล้ายกับปากถ้ำที่กลืนกินทุกเสียง ทุกแสง ทุกชีวิต 

สถานีรถใต้ดินยามดึกเงียบงันอย่างผิดธรรมชาติ ความมืดในอุโมงค์ทอดตัวลึกลงไปจนคล้ายกับปากถ้ำที่กลืนกินทุกเสียง ทุกแสง ทุกชีวิต 

เผยแพร่

spot_img

เขายืนอยู่ลำพังบนชานชาลาที่ไร้ผู้คน นาฬิกาบนข้อมือชี้ว่าเวลาเกือบจะเที่ยงคืน เขาพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ แต่กลับได้ยินเพียงเสียงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกำแพงคอนกรีต เสียงนั้นแหลมและยาวเหมือนเสียงครางของใครบางคนที่ติดค้างอยู่ในความมืด

                                  ขณะที่เขาก้มลงมองเวลา เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

                                “ตึก… ตึก… ตึก…” 

ช้า ๆ แต่ชัดเจนราวกับจงใจ 

                                  หันกลับไปด้วยหัวใจที่เต้นแรง และพบหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธอสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีหม่น ดวงตาเต็มไปด้วยเงากังวล ใบหน้าสวยแต่ซีดเซียวจนแทบไร้เลือดฝาด

เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง

                                “ขอโทษค่ะ…รถเที่ยวสุดท้ายมาถึงกี่โมงคะ“

                 เสียงเธอสั่นราวกับถูกความกลัวบีบคออยู่ใกล้ ๆ

                 เขาพยายามฝืนยิ้มก่อนตอบ

                              “น่าจะอีกสิบนาทีครับ    ผมก็รอเหมือนกัน”

                  เธอพยักหน้าเบา ๆ แววตาไม่หยุดกวาดมองไปรอบ ๆ เหมือนกำลังเฝ้าระวังบางสิ่งบางอย่างที่เขามองไม่เห็น

                              “คุณโอเคไหมครับ…ดูเหมือนคุณจะ…กังวลมาก” 

                   เขาถามอย่างระมัดระวัง

                   หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเบาราวกับกระซิบ      

                               “มีคนตามฉันมา..!”

                   หัวใจเขากระตุกพลางทวนคำ

                                “ตามมา….คนตามมา…แล้วคุณไม่แจ้งตำรวจหรือ“

                   เธอส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว 

                               “ไม่ทันแล้ว… เขาอยู่นั่น…!“

                   สายตาของเธอเบิกกว้าง มองตรงไปยังบันไดทางลงชานชาลา 

                  เขามองตามกลืนน้ำลายฝืด ๆ  และทันทีที่เห็น… เลือดในกายก็เย็นเยียบ

                  ชายร่างสูงสวมแจ็กเก็ตสีดำยืนอยู่ตรงนั้น เงามืดบดบังใบหน้าจนไม่อาจเห็นชัด แต่แววตาที่สะท้อนออกมากลับเป็นประกายเย็นชาและไร้ความปรานี    มันก้าวลงบันไดช้า ๆ ก้องสะท้อนในอุโมงค์ ทุกก้าวเหมือนเสียงตอกโลง

                               “เฮ้… นายเป็นใคร…?“

                   เขาร้องถาม เสียงสะท้อนดังก้องในอากาศ

                   แต่ชายคนนั้นไม่ตอบ   กลับคงเดินตรงเข้ามา… ทีละก้าว ทีละก้าว….อย่าน่ากลัว

                   หญิงสาวคว้าแขนเขาแน่นจนรู้สึกถึงแรงสั่นสะท้าน     

                                “เขามาเอาชีวิตฉัน…”

                 “ทำไมล่ะ,  คุณไปทำอะไรเขา…”

น้ำตาคลอเบ้าตาของเธอ…

                 “ฉัน… ฉันรู้ความลับของเขา”

                   ชายในชุดดำหยุดยืนห่างจากทั้งสองเพียงไม่กี่ก้าว อากาศรอบตัวเขาเย็นจัดจนเหมือนลมหายใจหยุดไหลเวียน และแล้วเสียงแหบเย็นก็เอื้อนเอ่ยออกมา

                                     “เธอหนีไม่พ้นหรอก…”

                   หญิงสาวสั่นสะท้าน ริมฝีปากซีดขาว

                                      “ได้โปรด… อย่าทำอะไรฉันเลย”

                    เขาก้าวมายืนขวางหน้าเธอ ยกสองมือเหมือนห้ามไว้

                                       “ถ้านายเข้ามา ผมจะแจ้งตำรวจ!”

                      ชายชุดดำยิ้มมุมปาก แล้วหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นต่ำ ทุ้ม ลึก ราวกับไม่ใช่มนุษย์ 

                   “งั้นเหรอ… ลองสิ”

                      ทันใดนั้นเสียงหวีดรถก็ดังแทรกเข้ามา ไฟสว่างวาบจากอุโมงค์สาดเข้ามาบนชานชาลา เขาหันไปเห็นหัวรถไฟกำลังจะเข้าจอด เสี้ยววินาทีนั้นเขาหันกลับไปหาชายในชุดดำ   

                       แต่… ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว เงามืดหายไปเหมือนละลายกลืนสู่ผนังอุโมงค์

                     “เขาหายไปไหน“   เขาร้องเสียงสั่น

                        หญิงสาวบีบมือเขาแน่นกว่าเดิม 

          “ไปเถอะ… ก่อนที่เขาจะกลับมา”

             ทั้งสองรีบวิ่ง…..พลาดประตูแรก…วิ่งต่อ…!

             หญิงสาวก้าวขึ้นก่อน รถเคลื่อน..เขากระโดดเตามเข้าไป ก่อนประตูเลื่อนจะปิด 

             ทันใดนั้นเขาหันไปมองข้างนอก  และสิ่งที่เขาเห็นทำให้เลือดแข็งตัว

                ชายชุดดำยืนอยู่ที่ชานชาลาใกล้ ๆ ทางขึ้นลงนี่เอง

 ราวกับไม่เคยหายไปไหนเลย รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏบนใบหน้า ดวงตาดำลึกจ้องตรงมาโดยไม่กระพริบ เหมือนนักล่าที่จ้องเหยื่ออย่างมั่นใจว่าหนีไม่พ้น

              “ปึ้ง..” ประตูรถไฟปิดสนิท เสียงโลหะกระทบดังสะท้อน รถไฟฟ้าเริ่มเคลื่อนตัวแรงออกจากสถานี ภาพชายคนนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปในม่านเงามืด 

                เขาโล่งอก คลายความกลัว  แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกกลับไม่จางหาย สายตาเย็นชานั้นยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจ 

               แต่.. เขารู้สึกว่า ไม่ว่ารถจะแล่นไปไกลแค่ไหน… สายตานั้นยังคงตามมาอยู่ใกล้ ๆ

               มันเหมือนจะตามมา…

                  หญิงสาวนั่งหอบหายใจข้าง ๆ เสียงของเธอสั่นจนแทบไม่เป็นคำพูด  เขาปั้นหน้าให้ยิ้มพูดเข้ม ๆ

                “คุณคงปลอดภัยแล้วนะ”

                                 “คุณไม่เข้าใจหรอก… เขาไม่ใช่คน…”

                    หันมามองด้วยความสับสน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัวที่แท้จริง ก่อนเธอจะพูดคำสุดท้ายแผ่วเบาเหมือนลมหายใจสุดท้ายของใครสักคน

                 “เขาจะตามเรา… จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ”

                    และทันใดนั้น ไฟในขบวนรถก็กระพริบวูบ 

           เหมือนมีม่านควันมาบดบัง…

           ชายสูงชุดดำยืนขวางอยู่ตรงทางเดินติดประตู ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ไหวติง ราวกับดักรออยู่แล้ว

           เขาผงะพร้อมกับหญิงสาว

                   เสียงก้าวเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากปลายทางเดิน

และกำลังขยับเข้ามาใกล้…!

                        เสียงร้องของผู้โดยสารหลายคนที่เห็นรวมถึงเธอที่เหลียวซ้ายแลขวาจะหนี  หันมาคว้าแขนเขาไว้ไปยืนอยู่ข้างหลัง

         เขาตกใจสุดขีด  พยายามยืนตัวตรง  รีบจับพนักเก้าอี้ให้กระชับ

                 แรงเหวี่ยงรถเลี้ยวโค้ง    ทั้งคู่ล้มลงไปกองตรงพื้น

         รีบดึงเธอลุกขึ้นมา….!

                 ใจระทึก…สั่นระรัว

                 ชายชุดดำหายไปแล้ว…เขารีบคว้ามือเธอให้วิ่งหนี

ไปด้วยกัน   เธอรั้งแขนไว้   แล้วจ้องหน้า….!

                 ตาโปนปากกว้าง  ยกสองมืององุ้ม   ขยับเข้ามาอย่างน่ากลัว

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

เรื่องสั้น “ภรรยาผู้ภักดี”

มีชายคนหนึ่งทำงานมาตลอดชีวิต...  อดออมเงินทุกบาททุกสตางค์  และเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมากเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง  ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต....  เขาบอกกับภรรยาว่า “ที่รัก… ตอนฉันตาย ฉันอยากให้เธอเอาเงินทั้งหมดของฉัน ใส่ลงไปในโลงศพด้วย ฉันอยากเอาเงินของฉันไปใช้ในปรโลก” และเขาก็ทำให้ภรรยาสัญญากับเขา ด้วยหัวใจทั้งหมดของเธอว่า  เมื่อเขาตาย เธอจะเอาเงินทั้งหมดใส่ลงไปในโลงกับเขาจริงๆ ในที่สุดเขาก็เสียชีวิต...  เขานอนอยู่ในโลงอย่างสงบ ภรรยาของเขานั่งอยู่ข้างๆ ในชุดดำสนิท  ข้างๆ กันมีเพื่อนสาวของเธอนั่งอยู่ด้วย เมื่อพิธีศพดำเนินมาจนใกล้เสร็จ....  และก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดฝาโลง  ภรรยาพูดขึ้นว่า...  “เดี๋ยวก่อนค่ะ!”  แล้วเธอก็เดินถือกล่องโลหะใบเล็กๆ ไปวางลงในโลง  ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดฝาโลงและนำโลงศพไป เพื่อนของเธอหันมาพูดด้วยความตกใจว่า... “เธอจะไม่บอกฉันนะ  ว่าเธอโง่พอจะใส่เงินทั้งหมดไปในโลงกับเขาจริงๆ น่ะ?” ภรรยาผู้จงรักภักดีตอบว่า... “ฟังนะ...  ฉันให้สัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะผิดคำพูดไม่ได้  ฉันสัญญากับเขาว่าจะเอาเงินทั้งหมดใส่ลงไปในโลงด้วยจริงๆ” “หมายความว่าเธอเอาเงินทั้งหมดใส่ไปให้เขาจริงๆ น่ะเหรอ?” ภรรยาตอบกลับอย่างเรียบเฉยว่า... “ใช่สิ...  ฉันรวบรวมเงินทั้งหมด โอนเข้าบัญชีของฉัน...

เพื่อนบ้านเลว ?

ในสมัยโบราณของจีน ชาวนาคนหนึ่ง มีเพื่อนบ้านเป็นนายพราน และเลี้ยงสุนัขล่าสัตว์ที่ดุร้าย และ ถูกฝึกมาอย่างดี สุนัขเหล่านี้มักจะกระโดดข้ามรั้ว และไล่ตามฝูงแกะของชาวนา ชาวนาขอร้องให้เพื่อนบ้าน ควบคุมสุนัขของเขา แต่เรื่องนี้ถูกเพิกเฉย

 เรื่องราวสวยงามที่อยากแบ่งปัน…

เรื่องสั้น..ขอให้เรื่องนี้ได้ส่งต่อถึงหัวใจของใครอีกหลายคน ฉันชื่อ เวโรนิก้า อายุ 80 ปี อยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ชั้นบนของร้านขายอุปกรณ์ช่างในไบรตัน ฉันไม่มีอะไรมาก แต่ก็อยู่ได้ มีเงินบำนาญนิดหน่อย เงินเก็บเล็ก ๆ กับสวนกระถางบนระเบียง สะระแหน่ ไธม์ และต้นมะเขือเทศจอมดื้อหนึ่งต้น