เนสท์เล่ (Nestlé) กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส ประกาศสั่งปลดโลรองต์ เฟรกซ์ (Laurent Freixe) ออกจากตำแหน่งซีอีโอแบบสายฟ้าแลบ เหตุปกปิดความสัมพันธ์กับพนักงานใต้บังคับบัญชา หลังจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 1 ปีเต็ม พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งฟิลิปป์ นาฟราทิล (Philipp Navratil )ผู้บริหารลูกหม้อซึ่งเป็น Nespresso CEO ขึ้นมาคุมทัพแทนทันที
แถลงการณ์ของเนสท์เล่ที่เผยแพร่ในเวลาต่อมา ระบุว่า การปลดเฟรกซ์เป็นผลมาจากการสอบสวนภายในที่พบว่าเขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงและไม่ได้แจ้งให้บริษัททราบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ ( Nestlé’s Code of Business Conduct )
พอล บุลเค ประธานกรรมการบริษัท กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “นี่เป็นการตัดสินใจที่จำเป็น … ค่านิยมและธรรมาภิบาลคือรากฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ผมขอขอบคุณโลรองต์สำหรับคุณูปการตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
รายงานข่าวระบุว่า เรื่องราวเริ่มแดงขึ้นหลังมีผู้แจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนภายในองค์กร ทำให้คณะกรรมการต้องตั้งโต๊ะสอบสวนถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ แต่เนื่องจากยังมีข้อกังขาอยู่ จึงมีการสอบสวนครั้งที่สองโดยมีบริษัทภายนอกเข้ามาร่วมด้วย จนได้หลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ดังกล่าว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เฟรกซ์เคยให้การปฏิเสธเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการมาโดยตลอด

ทั้งนี้ เนสท์เล่ยืนยันว่าจะไม่มีการจ่ายเงินชดเชยใด ๆ ให้กับเฟรกซ์ทั้งสิ้น
Freixe ใช้เวลาเกือบสี่ทศวรรษในบริษัทอาหารและเครื่องดื่มของสวิส รวมถึงหนึ่งปีที่ดำรงตำแหน่งผู้นำ หลังจากที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2024 เพราะการลาออกของมาร์ก ขไนเดอร์( Mark Schneider) ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนเขา ต้องลาออกเพราะยอดขายของบริษัทตกต่ำ
เรื่องอื้อฉาวของเฟรกซ์นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงกระแสการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้บริหารระดับสูงที่เข้มข้นขึ้นในเวทีโลก โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ค. แอนดี ไบรอน ซีอีโอของบริษัทแอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ก็เพิ่งประกาศลาออก หลังมีภาพปรากฏว่าเขากำลังโอบกอดพนักงานคนหนึ่งระหว่างชมคอนเสิร์ตของวงโคลด์เพลย์ (Coldplay)