วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกวัฒนธรรม ชีวิตครั้งแรกที่ "สยาม" ปรากฏในบันทึกของชาวต่างชาติ

ครั้งแรกที่ “สยาม” ปรากฏในบันทึกของชาวต่างชาติ

เผยแพร่

spot_img

เมื่อชาวโปรตุเกสเดินทางถึงอยุธยาในปี พ.ศ. 2054

รู้หรือไม่? ชาติแรกที่พูดถึง “สยาม” คือชาวโปรตุเกสเมื่อกว่า 500 ปีก่อน พวกเขาเขียนว่าเรามีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ มีช้างศึก และค้าขายกับจีน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ “ประเทศไทย” ปรากฏตัวบนเวทีโลก!

หลายคนอาจเคยสงสัยว่า “ประเทศไทยเริ่มปรากฏบนแผนที่โลกเมื่อใด?” คำตอบคือ เกือบ 500 ปีก่อน เมื่อประเทศโปรตุเกสกลายเป็นชาติแรกของยุโรปที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ “สยาม” ซึ่งก็คือชื่อเดิมของประเทศไทยในสมัยโบราณ

โปรตุเกส คือชาติแรกที่รู้จัก “สยาม”

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2054 (ค.ศ. 1511) หลังจากที่โปรตุเกสยึดครองเมืองมะละกา (ในมาเลเซียปัจจุบัน) ได้สำเร็จ กษัตริย์มานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกส ได้ส่ง “ดูอาร์ต แฟร์นันเดส” (Duarte Fernandes) เป็นทูตเดินทางมายัง กรุงศรีอยุธยา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี

การเดินทางครั้งนั้น นับเป็น ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีนักการทูตยุโรปมาเยือนสยาม พร้อมกับมีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของเราอย่างเป็นทางการ

“สยาม” ในสายตาชาวยุโรปยุคแรก

บันทึกของชาวโปรตุเกสในยุคนั้น กล่าวถึงสยามในลักษณะที่น่าทึ่ง พวกเขามองว่า:

กรุงศรีอยุธยาเป็นอาณาจักรใหญ่ที่รุ่งเรือง

มีกษัตริย์ทรงอำนาจ และผู้คนจำนวนมากอยู่ภายใต้การปกครอง

มีระบบทหารที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ “ช้างศึก” ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจสำหรับชาวยุโรป

มีการค้าขายกับจีน อินเดีย และดินแดนอื่นๆ ในภูมิภาค

ผู้คนแต่งกายสุภาพเรียบร้อย และมีมารยาทดี

ในบันทึกเหล่านั้น ยังมีการเรียกชื่อประเทศเราว่า “Sian” หรือ “Xiam” ซึ่งกลายมาเป็นคำว่า “Siam” (สยาม) ในภาษาอังกฤษในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นของสัมพันธ์สยาม–ยุโรป

การติดต่อกับโปรตุเกสครั้งนั้น ไม่เพียงเป็นเรื่องการทูตเท่านั้น แต่ยังเป็น จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการค้ากับโลกตะวันตก โปรตุเกสได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาสู่ดินแดนสยาม เช่น:

เทคนิคการต่อเรือแบบยุโรป

อาวุธปืนและดินปืน

ขนมหวานแบบฝรั่ง อย่าง ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ซึ่งมีรากเหง้ามาจากขนมของโปรตุเกส

“The Suma Oriental” บันทึกที่พูดถึงสยามในยุคแรก

อีกหนึ่งบุคคลสำคัญคือ “ทอมมาส โป” (Tome Pires) นักเดินทางและเภสัชกรชาวโปรตุเกส ผู้เขียนหนังสือชื่อ “The Suma Oriental” ระหว่างปี ค.ศ. 1512–1515 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเอกสารโบราณที่กล่าวถึง “สยาม” ว่าเป็นอาณาจักรมั่งคั่งและมีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(ที่มา Hello Thailand )

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

ดื่มน้ำชา..ในความอบอุ่น: เรื่องเล่าจากงาน “มัสยิดยามิอุ้ลอิบาดะห์ 68”

พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณมัสยิดฯ ก็รู้สึกได้ถึงความสงบและร่มเย็นทันทีเลย ที่นี่คือชุมชน บ้านทางควาย ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ฝั่งใต้ ชื่อนี้มีที่มาจากอาชีพทำนาในอดีต ที่มีควายจำนวนมากเดินผ่านหน้ามัสยิดจนกลายเป็นทาง ซึ่งต่อมาก็เป็นที่มาของชื่อชุมชนนั่นเอง

ภาพประวัติศาสตร์

ภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่๑๔สิงหาคม ๒๕๑๖ เด็กชายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ ณท่าอากาศยานปัตตานี เมื่อในหลวงรัชกาลที่๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินมาถึง เด็กชายพยุงศักดิ์ได้เข้าไปกราบแทบพระบาทของพระองค์ด้วยอากัปกริยาที่งดงาม