ประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากงาน “มัสยิดยามิอุ้ลอิบาดะห์ 68” หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า งานดื่มน้ำชาของชาวมุสลิม (มาแกแต) ที่มัสยิดยามิอุ้ลอิบาดะห์ (บ้านทางควาย) เมื่อวันที่ 3-4 ตุลาคม 2568 แม้จะเป็นคนนอกที่เพิ่งเคยมาเยือน แต่สิ่งที่ได้รับกลับไปมันเกินกว่าคำว่า “ความประทับใจ”
ก้าวแรกสู่ “บ้านทางควาย”…ชุมชน 100 ปีริมคลอง
พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณมัสยิดฯ ก็รู้สึกได้ถึงความสงบและร่มเย็นทันทีเลย ที่นี่คือชุมชน บ้านทางควาย ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ฝั่งใต้ ชื่อนี้มีที่มาจากอาชีพทำนาในอดีต ที่มีควายจำนวนมากเดินผ่านหน้ามัสยิดจนกลายเป็นทาง ซึ่งต่อมาก็เป็นที่มาของชื่อชุมชนนั่นเอง

มัสยิด “ยามิอุ้ลอิบาดะห์” ที่เห็นในปัจจุบันเป็นหลังที่สามแล้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 แทนหลังเดิมที่ทรุดโทรม ที่นี่เป็นศูนย์กลางของชุมชนอย่างแท้จริง และความงดงามทางสถาปัตยกรรมก็ทำให้เราต้องหยุดมอง
ความวิจิตรที่มาพร้อมกับความใส่ใจ
สิ่งที่โดดเด่นและทำให้รู้สึกทึ่งมาก ๆ คือรายละเอียดภายในมัสยิด โดยเฉพาะส่วนของ ฝ้าเพดานที่เป็นไม้สักทอง ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แกะสลักลวดลายอย่างปราณีตงดงาม เน้นแบบ ทรงไทยโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ยิ่งกว่านั้นตรงเพดานด้านหน้ายังมีการแกะสลัก ซูเราะห์อัลฟาติฮะห์ (ซูเราะฮ์แรกของอัลกุรอ่าน) ได้อย่างวิจิตรงดงามมาก ๆ

อาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างเพื่อใช้ทำกิจกรรมของชุมชน ซึ่งมีการออกแบบที่ฉลาดมาก ๆ คือการเลือกใช้ อิฐแดงช่องลม เพื่อให้ แสงและลมธรรมชาติ พัดผ่านเข้ามาในอาคารได้ตลอดเวลา ตอบโจทย์ความต้องการของอิหม่ามที่อยากให้ผู้ที่มาใช้งานรู้สึกปลอดโปร่ง เป็นการออกแบบที่ใส่ใจทั้งในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูโดดเด่นไม่เหมือนใครเลย
“มาแกแต” (ดื่มน้ำชา) ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและการแบ่งปัน

หัวใจของงานในวันนั้นคือ การดื่มน้ำชา หรือ “มาแกแต” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันงดงามของชาวมุสลิม ที่ไม่ใช่แค่การจิบชา แต่คือการ สร้างความสัมพันธ์ในชุมชนและการแบ่งปัน ตามหลักศาสนา งานดื่มชาการกุศลแบบนี้จึงเป็นโอกาสในการระดมทุนเพื่อบูรณะพื้นที่ ทำที่อาบน้ำละหมาดและสุขาสาธารณะ รวมถึงสร้างอาคารอเนกประสงค์ของมัสยิด ที่อาจารย์ สุรเดช หวังเจริญ กรรมการมัสยิด ได้กรุณาต้อนรับและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง

ในฐานะคนนอกที่มาร่วมงาน สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ การต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเอง ของพี่น้องชาวมุสลิมทุกคน รอยยิ้ม คำทักทาย การเชื้อเชิญให้ร่วมโต๊ะ ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนทันที ได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา การเกื้อกูลกันในชุมชน และที่สำคัญคือได้เห็นภาพของ ชุมชนพหุวัฒนธรรม ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

ในงานมีการออกร้านของคนในชุมชนเพื่อร่วมสมทบทุนให้กับมัสยิด มีพีน้องจากชุมชนอื่นๆมาร่วมงาน รวมถึงผู้ว่าราชการ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แห่งกรุงเทพมหานครก็ได้มาร่วมงานและรับปากเรื่องการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับชุมชนด้วย

การจิบน้ำชาร้อน ๆ คู่กับขนมท้องถิ่นในบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทำให้ตระหนักได้ว่า การดื่มชาในวันนี้ไม่ได้ช่วยเติมพลังให้ร่างกายเท่านั้น แต่ยัง เติมเต็มความงามในจิตใจ ด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับจากทุกคนในชุมชนจริง ๆ
ความงดงามของศาสนาและวัฒนธรรมไม่ได้มีอยู่แค่ในสถาปัตยกรรมที่วิจิตรงดงาม แต่มีอยู่ใน หัวใจของผู้คน ที่พร้อมจะเปิดรับและแบ่งปันความสุขให้กับทุกคนที่มาเยือน

ถ้ามีโอกาส อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม มัสยิดยามิอุ้ลอิบาดะห์ บ้านทางควาย รับรองว่าจะได้รับความประทับใจและความอบอุ่นกลับมาแน่นอน