เคยสงสัยหรือไม่ว่า ผ้าที่เรียกว่าผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วงทั้งๆที่ไม่ได้มีเฉพาะสีม่วงแต่มีหลายหลากสี
สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง “หม่วง” ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน ชื่อนี้จึงถูกเรียกเพี้ยนเป็นผ้าม่วงหรือก็คือผ้าจากเมืองหม่วงนั่นเอง ทำนองเดียวกับที่คนไทยเรียกผ้าที่ทอมาจากเมืองอัมดาหวาด (Amdavad) แคว้นคุชราต ว่าผ้าย่ำมะหวาดหรือผ้าวิลาส ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมพิมพ์ลายดอกไม้แบบตะวันตกที่ทำจากเมืองอัมดาหวาด (Amdavad) หรืออาเมดาบัด (Ahmedabad) ในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย (ผ้านี้เคยเป็นที่นิยมใช้ในราชสำนักสยามอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ผ้าม่วงแทนผ้าสมปักหรือผ้าสมปักปูมที่เคยใช้สำหรับเป็นเครื่องแบบขุนนางและถูกยกเลิกไป ทรงกำหนดให้ใช้ผ้าม่วงเป็นเครื่องแบบสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางแต่งในเวลาเข้าเฝ้าหน้าพระที่นั่ง หรือในเวลาออกแขกเมืองหรือมีการงานใหญ่ เช่นงานกฐินพระราชทาน หรือถ้าต้องแต่งเต็มยศอย่างใหญ่ก็ให้ใช้ผ้าม่วง
ตามภาพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ ราชเลขานุการินีในพระองค์พระพุทธเจ้าหลวง ทรงนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน ส่วนที่ทรงยืนอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวาของเสด็จฯคือพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต้นราชสกุล อาภากร ซึ่งขณะนั้นยังมิได้ทรงกรม ภาพนี้ฉายคราวพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จชวา
หมายเหตุ: “ผ้าสมปักปูม” คือผ้าไหมชนิดหนึ่งมีดอกเป็นตาๆ คำว่า “ปูม” หมายถึง ขอบผ้าที่เป็นตาๆอยู่ด้านข้างของท้องผ้า ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่ขุนนางในราชสำนักสยามได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องยศของขุนนางหรือผู้ที่รับราชการอันมีบรรดาศักดิ์ชั้นยศต่างๆกัน ใช้นุ่งเฉพาะเวลาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเวลาทรงออกว่าราชการปกติหรือในพระราชพิธีที่สำคัญเท่านั้น ลวดลายบนผืนผ้าสมปักปูมสามารถใช้จำแนกลำดับชั้นยศของบุคคลที่ได้รับพระราชทานได้
ขอบคุณภาพจากเพจ Thai classic
ข้อมูลบางส่วนจาก AI (ที่มา ภาพเก่าในอดีต)



