วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 9, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกวัฒนธรรม ชีวิตผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

ผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

เผยแพร่

spot_img

 เคยสงสัยหรือไม่ว่า ผ้าที่เรียกว่าผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วงทั้งๆที่ไม่ได้มีเฉพาะสีม่วงแต่มีหลายหลากสี

 สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง “หม่วง” ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน ชื่อนี้จึงถูกเรียกเพี้ยนเป็นผ้าม่วงหรือก็คือผ้าจากเมืองหม่วงนั่นเอง ทำนองเดียวกับที่คนไทยเรียกผ้าที่ทอมาจากเมืองอัมดาหวาด (Amdavad) แคว้นคุชราต ว่าผ้าย่ำมะหวาดหรือผ้าวิลาส ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมพิมพ์ลายดอกไม้แบบตะวันตกที่ทำจากเมืองอัมดาหวาด (Amdavad) หรืออาเมดาบัด (Ahmedabad) ในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย (ผ้านี้เคยเป็นที่นิยมใช้ในราชสำนักสยามอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ผ้าม่วงแทนผ้าสมปักหรือผ้าสมปักปูมที่เคยใช้สำหรับเป็นเครื่องแบบขุนนางและถูกยกเลิกไป ทรงกำหนดให้ใช้ผ้าม่วงเป็นเครื่องแบบสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางแต่งในเวลาเข้าเฝ้าหน้าพระที่นั่ง หรือในเวลาออกแขกเมืองหรือมีการงานใหญ่ เช่นงานกฐินพระราชทาน หรือถ้าต้องแต่งเต็มยศอย่างใหญ่ก็ให้ใช้ผ้าม่วง

 ตามภาพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ ราชเลขานุการินีในพระองค์พระพุทธเจ้าหลวง ทรงนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน ส่วนที่ทรงยืนอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวาของเสด็จฯคือพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต้นราชสกุล อาภากร ซึ่งขณะนั้นยังมิได้ทรงกรม ภาพนี้ฉายคราวพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จชวา

หมายเหตุ: “ผ้าสมปักปูม” คือผ้าไหมชนิดหนึ่งมีดอกเป็นตาๆ คำว่า “ปูม” หมายถึง ขอบผ้าที่เป็นตาๆอยู่ด้านข้างของท้องผ้า ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่ขุนนางในราชสำนักสยามได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องยศของขุนนางหรือผู้ที่รับราชการอันมีบรรดาศักดิ์ชั้นยศต่างๆกัน ใช้นุ่งเฉพาะเวลาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเวลาทรงออกว่าราชการปกติหรือในพระราชพิธีที่สำคัญเท่านั้น ลวดลายบนผืนผ้าสมปักปูมสามารถใช้จำแนกลำดับชั้นยศของบุคคลที่ได้รับพระราชทานได้

ขอบคุณภาพจากเพจ Thai classic

ข้อมูลบางส่วนจาก AI (ที่มา ภาพเก่าในอดีต)

ข่าวล่าสุด

เปิดโปง “เสือนอนกิน” ใต้ร่มเงาสลากฯ

ข้อเท็จจริงที่ตอกย้ำความไม่เป็นธรรม คือ สำนักงานสลากฯ ได้จัดสรรโควต้ากว่า 145,095 เล่ม (คิดเป็น 13.82%) ให้แก่องค์กร สมาคม และมูลนิธิต่างๆ แต่หลังจากนั้นกลับ "ปัดความรับผิดชอบ"

ทรัมป์จะทะยอยปราชัยในทุกเรื่องที่เขาก่อการร้ายๆ ให้กับโลก

ทรัมป์ เจรจากับสีจิ้นผิงที่ปูซาน เมื่อ 6 วันที่ผ่านมา อ่านแล้วเดาอนาคตของโลกได้

โถส้วมทองคำชื่อ “America” ประมูลขายราคา $10 ล้าน

โถสุขภัณฑ์ทองคำ 18 กะรัต น้ำหนักกว่า 103 กิโลกรัม ผลงานชื่อ “America” ของศิลปินแนวคอนเซปชวลชาวอิตาเลียน เมาริซิโอ คัตเตลาน (Maurizio Cattelan) เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016

ข่าวอื่นๆ

๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๑๙ วันประสูติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ต้นราชสกุล “จิรประวัติ”

✩ จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช (๗ พฤศจิกายน ๒๔๑๙ - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๖) เป็นหนึ่งในพระราชโอรสกลุ่มแรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงไปศึกษาต่อในทวีปยุโรป

ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา ผู้ถูกคัดเลือกไปเรียนการฝีมือที่ญี่ปุ่นสมัย ร.๖

สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงเห็นชอบในพระราชดำริ จึงทรงเลือกกุลสตรี 4 คน ซึ่งประกอบไปด้วย คุณหลี, คุณพิศ, คุณนวล, และคุณขจร หรือท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา ท่านผู้หญิงขจรกับคุณพิศ ไปเรียนวิชาปักสะดึง และวาดเขียนแบบญี่ปุ่น ส่วนคุณหลีและคุณนวล ไปเรียนการทำดอกไม้แห้ง

บทบันทึกเลือด น้ำตา และแรงงานชาวแต้จิ๋ว ฝ่าคลื่นลมบน “เรือหัวสีแดง” จากซัวเถา สู่สยาม…

เมื่อเอ่ยถึงอภิมหาเศรษฐีเชื้อสายจีนในประเทศไทย หลายคนอาจนึกถึงภาพความหรูหรา และความมั่งคั่งทางธุรกิจที่สั่งสมข้ามรุ่นมาหลายชั่วอายุคน หากแต่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เหล่านี้คือภาพอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยการพลีชีพและความเจ็บปวด