จากคำตรัสเล่าของ ม.จ. ไกรสิงห์ วุฒิชัย ครั้งหนึ่ง ท่านชายทรงเล่าว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาแต่งตั้ง “สมเด็จย่า” ให้ขึ้นเป็น “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” ก็เผอิญมีงานหลวง ที่ทั้งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในรัชกาลที่ ๙ จะเสด็จฯ แต่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จถึงก่อน
เมื่อเสด็จตรงไปที่ประทับ ก็ทอดพระเนตรเห็นเก้าอี้ประทับ ๒ ที่เหมือนๆ กัน แต่ทว่า ที่ประทับที่หนึ่งขยับตัวเยื้องมาอยู่ข้างหลัง ไม่เท่าเทียมกัน สมเด็จฯจึงตรัสแก่ท่านชายในภายหลังว่า ด้วยเพราะบ้านเราไม่เคยมียศตำแหน่ง “ศรีนครินทรา” มาก่อน พระองค์จึงตัดสินพระทัยไม่ถูก ไม่ทรงทราบว่าจะประทับที่ใดดี
ด้วยความ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” ในความงดงามของการเป็นคนไทย สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี จึงทรงประทับลง ณ เก้าอี้ที่ตั้งถัดเยื้องมาข้างหลัง
สักพักสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จมาถึง ก็ทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงประทับ ณ พระที่นั่งที่ตั้งเยื้องอยู่ข้างหลัง
และด้วยความตกใจของคนทั้งงานเมื่อ “สมเด็จย่า” ทรงทรุดองค์ลงประทับกับพื้นทันใด แล้วทรงหมอบกราบสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พร้อมตรัสว่า
“หากสมเด็จฯไม่ทรงประทับที่เก้าอี้ตัวหน้า หม่อมฉันก็จะนั่งอยู่กับพื้นนี่แหละ จนกว่าจะเสร็จงาน”
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีก็ทรงตกพระทัยเช่นกันที่สมเด็จย่าทรงประทับหมอบลงกับพื้น ท่านจึงตรัสกับนางสนองพระโอษฐ์สั่งให้เจ้าหน้าที่มาเลื่อนเก้าอี้ทั้ง ๒ ที่ประทับให้มาตั้งเคียงเสมอกัน แต่สมเด็จย่าก็ยังไม่ทรงยอมอยู่ดี ตรัสขอให้อย่างน้อยที่ประทับของท่านเองนั้น ต้องเยื้องมาอยู่ที่ด้านหลัง หรือ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” เช่นกัน
ในครั้งที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เป็นสมเด็จพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น สมเด็จย่า ยังเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ได้ทุนไปเรียนหนังสือที่อเมริกา และได้พบรักและสมรสกับสมเด็จพระบรมราชชนก
แล้วเพียงไม่กี่ปีต่อมา เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 7 สละราชสมบัติ พระราชโอรสของสมเด็จย่าถึง 2 พระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จย่า จากหญิงสาวชาวบ้านกลายเป็นสมเด็จพระชนนีในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ในขณะนั้น)
อะไรๆก็ไม่เที่ยง
แต่คนดี อยู่ที่ไหนก็เป็นคนดี ที่รู้จักกาลเทศะ
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่สุภาพสตรีสูงศักดิ์ยิ่งถึง 2 พระองค์มาพบกัน ที่ความจริงก็ไม่มีใครรู้ว่า ใครสูงศักดิ์กว่ากัน แต่ด้วยพระราชจริยวัตรที่งดงามยิ่งของทั้ง 2 พระองค์ ที่ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” นี้จึงควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างสำหรับคนไทยเราทุกคน
จากคำตรัสเล่าของ ม.จ. ไกรสิงห์ วุฒิชัย
ในบทความในหนังสือ ดิฉัน