หลังเกิดเหตุทุ่นระเบิดชายแดนทำให้ทหารไทยบาดเจ็บหลายครั้ง กระพือข้อสงสัยถึงความจริงใจของกัมพูชาในการปฏิบัติตามข้อตกลง และย้ำภาพผู้นำที่นานาชาติเริ่มหันหลังให้
หลังการลงนามหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่กรุงปุตราจายา ภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ จีน และมาเลเซียซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลาง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลาย เหตุการณ์เมื่อ 9 สิงหาคม ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด รวมถึงเหตุซ้ำอีกในสัปดาห์ถัดมา กลายเป็นสัญญาณชัดว่าความตึงเครียดยังคงอยู่ แม้กัมพูชาจะอ้างว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าและไม่มีการวางเพิ่ม แต่การปฏิเสธข้อเสนอให้ร่วมกันเก็บกู้กลับเพิ่มข้อสงสัยในสายตาสังคมโลก
โฆษกกัมพูชาปฏิเสธเหมือนทุกครั้งว่าไม่มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือผลิตทุ่นระเบิดใหม่ ขณะที่ฝ่ายไทยย้ำว่ามีหลักฐานชี้ชัดว่าเหตุระเบิดเหล่านี้เกิดจากการกระทำของกัมพูชาโดยตรง การปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ไม่อาจปกป้องภาพลักษณ์ในประเทศได้อีกต่อไปแล้ว
ในเวทีโลกกำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือ และย้ำภาพความไม่จริงใจต่อสันติภาพ เป็นเหตุให้พันธมิตรและประเทศเพื่อนบ้านเริ่มตั้งคำถามถึงเจตนาที่แท้จริง เพราะภาพที่เห็นขัดแย้งกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
หากยังไม่มีการเปิดทางให้ตรวจสอบโดยภาคีอนุสัญญาออตตาวาหรือคณะสังเกตการณ์นานาชาติ ความขัดแย้งนี้อาจยืดเยื้อจนข้อตกลงหยุดยิงเหลือเพียงนามธรรม ประชาคมโลกอาจเลือกเพิกเฉยต่อการเจรจา และใช้ “การทูตเงียบ” แทนการกดดันอย่างตรงไปตรงมา ที่เลวร้ายกว่านั้น หากเกิดเหตุรุนแรงซ้ำอีก ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอาจถอยหลังสู่จุดแตกหัก พร้อมเปิดช่องให้ความตึงเครียดในภูมิภาคปะทุขึ้นใหม่อย่างไม่อาจควบคุม