ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการใช้ทุ่นระเบิดโจมตีฝ่ายไทย ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บแก่กำลังพลหลายครั้ง แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้วก็ตาม
กระทรวงการต่างประเทศไทยจึงเตรียมการจัดคณะทูตและสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษในวันที่ 16 สิงหาคม เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานต่อสาธารณะ
กองทัพบกไทยชี้แจงว่า ทุ่นระเบิดที่พบส่วนใหญ่เป็นชนิด PMN-2 ซึ่งไม่เคยปรากฏในพื้นที่มาก่อน และไม่ใช่ทุ่นระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีต เนื่องจากระเบิดที่เก่ากว่าได้ถูกเก็บกู้โดย TMAC แล้ว นอกจากนี้ยังมีภาพและคลิปแสดงว่าทหารกัมพูชากำลังเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิดไปติดตั้งในพื้นที่ใหม่ ซึ่งสะท้อนว่าการโจมตีฝ่ายไทยเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ
ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าหลักฐานไทยไม่น่าเชื่อถือและเป็นการจัดฉาก อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างดังกล่าวขาดเหตุผลและไม่สอดคล้องกับหลักฐานที่ฝ่ายไทยนำเสนอ ซึ่งรวมถึงสถิติการบาดเจ็บของกำลังพลและการตรวจสอบทุ่นระเบิดที่ชัดเจน การเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงเช่นนี้สะท้อนถึงความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ
กัมพูชาอาจหวังว่าการบิดเบือนข้อเท็จจริงจะทำให้โลกหลงเชื่อ แต่ในยุคข้อมูลข่าวสาร ทุกภาพ ทุกคลิป ทุกหลักฐานถูกตรวจสอบได้ทันที การเพิกเฉยต่อความจริงเช่นนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องตลก แต่เป็นพฤติกรรมที่ทำลายความน่าเชื่อถือระดับชาติและสะท้อนถึงความไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง