วิกฤตศรัทธาศาสนาพุทธในสังคมไทยสั่นคลอนหนัก
จากข้อมูลที่ปรากฏในสื่อข่าวหลายสำนักในช่วงที่ผ่านมา กรณีของอดีตหลวงพ่ออลงกต หรือ “ทดจ๊อด” ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างกว้างขวาง ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมและตรวจสอบประวัติ พบข้อเท็จจริงว่ามีการสวมชื่อนามสกุลของบุคคลอื่นเพื่อหลบหนีการเกณฑ์ทหารและหลบหนีไปยังมาเลเซียก่อนจะกลับมาบวช
เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินบริจาคจำนวนมหาศาลซึ่งมีมูลค่านับพันล้านบาท โดยเงินเหล่านี้ถูกโอนไปยังหลายมูลนิธิและทรัพย์สินที่ถือครองในชื่อของบุคคลอื่น ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความโปร่งใสในการจัดการเงินบริจาค
เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อวงการสงฆ์ในภาพรวม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีข่าวฉาวเกี่ยวกับพระภิกษุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรมที่ข้องแวะกับสีกาและความไม่เหมาะสมอื่น ๆ การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือการทุจริตเงินบริจาค ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามถึงจริยวัตรของพระภิกษุสงฆ์ในแง่การกำกับดูแลของสำนักพุทธศาสนา
เสียงวิจารณ์รอบทิศมองว่าศาสนาพุทธในสังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย แนวโน้มเช่นนี้อาจทำให้ประชาชนหันไปพึ่งพาความเชื่ออื่น ๆ หรือลดความสำคัญลงไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรากฐานทางสังคมและจิตใจของคนไทยในระยะยาว
บทเรียนจากกรณี “ทิดจ๊อด” นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของบุคคลคนเดียว แต่เป็นเหมือนภาพสะท้อนของปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนในวงการสงฆ์ไทย ที่ยังขาดการตรวจสอบที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพเพียงพอ หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังในอนาคต ความศรัทธาของประชาชนอาจถึงขั้นตกต่ำจนยากที่จะกอบกู้กลับคืนมาได้ ดังที่ว่า “บางครั้งศรัทธาก็เปรียบดั่งเงินบริจาคที่มีค่ามหาศาล แต่กลับหาจุดลงที่ถูกต้องไม่เจอ”
วัดใหญ่โด่งดังบางวัดบอกว่าการบริจาคคือการลงทุนในภพหน้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนการลงทุนจะหยุดอยู่ตรงวัดเท่านั้น