ฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าสั่งฆ่า เศษน้ำกระเซ็นลงบนหลังคาสังกะสีของโกดังร้างริมท่าเรือ
ประตูเหล็กสนิมดำคล้ำ เสียงฝนกระทบดังแฉะ ๆ เสมือนหัวใจของหนุ่มใหญ่เต้นแรง
มือเขายังเปียกชื้นและเย็นเฉียบ ปลายนิ้วคลึงปืนพกสีดำ ลมหายใจขาดเป็นช่วง ๆ แต่ก้าวช้า ๆ ไปยังลังไม้ที่เปียกน้ำ
เสียงฝีเท้าและเสียงหยดน้ำผสมกันเป็นจังหวะเหมือนนาฬิกานับถอยหลัง เขาก้มตัว ชำเลืองมองแสงไฟฉายที่กวาดไปมาเหมือนสัตว์นักล่า สูดกลิ่นเหยื่อ ลมหายใจหนักจนแทบกลั้นไม่อยู่
“ขอยืนยันว่าเป้าหมายอยู่ในโกดัง”
เสียงนายแทรกเข้ามาในหูฟัง แหบเย็นจนขนลุก
“ขอเตือนว่า แกต้องเอาแฟ้มมาให้ได้ และมัน…ต้องตายเท่านั้น”
“นาย” สั่ง..คือปกาสิต..!
เขากัดฟัน ลุกช้า ๆ มือยังเกร็งปลายนิ้วแตะไกปืน ไหล่สั่นเพราะแรงฝนและความตึงเครียด
วันนี้ เขากับไอ้แก้วเพื่อนร่วมหัวจมท้ายมานาน จะต้องแยกกันชั่วชีวิต ด้วยปกาสิตของ “นาย“ ที่ใครก็ทัดทานไม่ได้
เขาถอนหายใจ…ถ้าปล่อยให้มันอยูู่ เขาก็ต้องตาย
เขาต้องเลือก…!
“มันตาย” หรือ…เขาตาย เท่านั้น !
เปิดประตูเหล็กช้า ๆ เสียงบานพับดังเอี๊ยด… แสงนีออนสั่นกระพริบกลางโกดังว่างโล่ง กลิ่นฝุ่นผสมควันไฟเก่าลอยขึ้น
โต๊ะไม้ผุพังตั้งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแฟ้มสีดำรอเขาไปหยิบ เสียงฝีเท้าเคลื่อนไหวรอบตัว สิบกระบอกปืนโผล่จากเงามืด
“แกมาช้าไป…ไอ้เพื่อนรัก”
เสียงทุ้มต่ำของไอ้แก้วดังขึ้นจากมุมมืด ใบหน้าครึ่งหนึ่งมีรอยแผลยาว ใบหน้าแสดงถึงความเย็นชา เสื้อเกราะกันกระสุนสีดำแนบตัว แสงสะท้อนบนแผ่นเหล็กเป็นประกาย
เขายืดตัวเต็มความสูง ชูปืนในระดับอก ปลายนิ้วคลึงไกปืนช้า ๆ ลมหายใจหนัก เส้นเลือดปูดที่หน้าผาก
“จะหักหลังกันใช่ไหม“
แก้วพ่นลมหายใจ แววตาคมจัดเหมือนนักล่า
ก้าวเข้าใกล้โต๊ะ ไหล่หย่อนต่ำเล็กน้อยเพื่อพร้อมยิง ปลายนิ้วคลึงไกปืนช้า ๆ
“นายให้มาเอาของ ถ้าแกไม่ยอม…”
เขาพูดค้างไว้พลางเหลือบมองกล้องวงจรปิด
ฝนเทลงมารุนแรงกว่าเดิม เสียงน้ำกระแทกพื้น เสียงฝีเท้าคนหลายคน ผสมเป็นความตึงเครียดรอบตัว
ก้าวเข้ามาใกล้ แววตาคลั่ง เตรียมพร้อมอย่างไม่ไว้ใจแม้จะเป็นเพื่อนกัน จนเขารู่ถึงแรงลมจากลำกล้องปืนที่สั่น เขาเองก็เตรียมพร้อมเต็มที่
“นาย” แผดเสียงผ่านหูฟังของเขา
“อย่าเสียเวลา…แฟ้มต้องเป็นของเรา”
เขาขยับมือแตะอาวุธปืน….เตรียมพร้อม
“แกยังใจร้อนเหมือนเดิม”
“ฉันรับคำสั่งของนาย”
“ก็เลยไม่สนใจความเป็นเพื่อน”
พลางขยับจากที่เดิม มือระวังแนวปืน
“เพื่อน กับ งาน เหมือนนำ้กับน้ำมัน”
เสียงฝนกระหน่ำกระแทกหลังคา เสียงน้ำกระเซ็นพื้นทำให้ทุกการเคลื่อนไหวช้าแต่ตึงเครียด
พลางยืดตัวเต็มความสูง ปลายนิ้วคลึงไกปืนช้า ๆ
“แกไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ ใช่ไหม ”
ไอ้แก้วก้าวเข้ามาใกล้ แววตาคมจัด
“ฉันไม่ยอม…ไม่ว่าพายุ ฝน หรือใครมาเอามันไปจากฉันไม่ได้”
ลมหายใจหนัก เสียงปืนในมือสั่นเล็กน้อย ทั้งสองสบตากัน มุมปากทั้งคู่เกร็ง เหมือนกำลังวัดใจใครจะกล้าเป็นฝ่ายแรก
หน้าตาคร่ำเครียด เส้นเลือดโปนเหมือนจะทะลุ
“ใคร” จะหยิบยื่น “ความตาย“ ให้ใครก่อนกัน
พ่นลมหายใจ เหมือนกำลังจะนับเวบาถอยหลัง
มันต้องตายกันไปข้าง
ไอ้แก้วพยักหน้า มุมปากขยับเหมือนกำลังไตร่ตรอง
ความตายกำลังขยับเข้ามาใกล้ในเสี้ยวินาที
สายฝนแรงขึ้น เสียงฝีเท้าสาดเข้ามาในหู สัญญาณเตือนความตึงเครียดทำให้หัวใจทั้งคู่เต้นแรง
“โป้ง..!“
”โป้ง..”
ควันปืนคละคลุ้งผสมเศษอิฐ และปูนกระจายทั่วห้อง
กล้องวงจรปิดแตกกระจาย ….
ประตูพังผนังกระจุยจนเศษปูนกระเด็นปลิวกระจายฝุ่นควันคละคลุ้ง
เสียงเงียบ….ควันปืนและข้าวของกระจายเข้ามาแทนที่…
ทั้งคู่ล้มกับพื้นและกระเด็นไปคนละด้าน
เงียบเสียง….

หนุ่มใหญ่ค่อย ๆ ผงกศีรษะจากพื้นราบอย่างยากลำบาก.…คลำทั่วสารพางกาย
เขายังไม่ตาย ! ถอนหายใจแรง พลิกตัวกลับลุก
ขึ้นอย่างรวดเร็ว
มองไปทางไอ้แก้ว มันยังไม่ตายนี่….ในมือยังถือปืนค้างไว้ จ้องมาหาเขา
แต่ด้วยสายตาความเป็นเพื่อน
มีนขยับแล้วชันกาย….ลุกขึ้นทันที
สายฝนหนาแน่นกระแทกหลังคาเคล้าเสียงน้ำกระเซ็นพื้น เขายืดตัวเต็มความสูง ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ปลายนิ้วคลึงไกปืน แววตาแน่วแน่ ยืนจังก้า
ไอ้แก้วถือปืนทอดข้างกาย ก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาจ้องเขา
แล้วเพื่อนกับเพื่อนโผเข้นกอดกันแทนคำพูด
ความเงียบสยบเสียงเข้มนั้น ต่างถอนหายใจรดกัน
“ฉันฆ่าแกไม่ได้”
“เหมือนกัน..ไอ้แก้ว ….. แต่เจ้านายไม่เคยยกโทษให้ใคร“
หนุ่มใหญ่ค่อย ๆหันหลังตามสายตาไอ้แก้วทางประตูพังที่ควันปืนยังกรุ่น
ร่าง“เจ้านาย”แผ่ราบ เลือดท่วมด้วยปืนของไอ้แก้วเมื่อสักพัก