31 สิงหาคม 2568 บรรยากาศการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น เมื่อ #พรรคภูมิใจไทยประกาศ ชัดเจนว่าจะจัดตั้ง #รัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน” พร้อมแถลงนโยบายยิ่งใหญ่ อ้างว่าจะ #คืนอำนาจให้ประชาชน หลังภารกิจเสร็จสิ้น ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นคำสัญญาสีทอง แต่เมื่อมองลึกลงไปกลับไม่ต่างจาก “น้ำผึ้งอาบยาพิษ”
เพราะบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น นายเนวิน ชิดชอบ หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่างผ่านเกมอำนาจมาอย่างโชกโชน ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะยอมสละอำนาจภายในเวลาแค่ 4 เดือน ขณะที่ #คดีเขากระโดง ยังไม่สะสาง และ #ปมฮั้วสว. ยังคงค้างคาอยู่บนโต๊ะการเมือง
รัฐบาลเฉพาะกิจที่ตั้งเป้าไว้ 3 เรื่อง คือ
– แก้ปัญหาความมั่นคงไทย–กัมพูชา
– เปิดประชามติ ตั้ง ส.ส.ร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่
– ยุบสภาใน 4 เดือน
แต่ความจริงชี้ชัดว่า ไม่มีข้อไหนเสร็จได้ทันเวลา #ปัญหาความมั่นค งเป็นเรื่อง #ภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช่การตกลงกันข้ามโต๊ะ #รัฐธรรมนูญใหม่ ต้องใช้เวลาเป็นปี ไม่ใช่เดือน ส่วนการ #ยุบสภา เร็ว ๆ นั้น ไม่มีใครเชื่อว่าคนหิวอำนาจจะยอมทิ้งเก้าอี้โดยง่าย
ความผิดหวังอีกด้านคือ หาก #พรรคประชาชน ที่เคยชูอุดมการณ์ต้านโกงและทุนผูกขาด หันไปจับมือกับฝ่ายที่ถูกครหาว่าโกงและฮั้ว นั่นคือวันที่ อุดมการณ์การเมืองใหม่ตายลงทันที ประชาชนสมัยนี้อาจไม่ถูกหลอกง่าย ๆ เพราะแยกความจริงออกจากคำสวยหรูได้ เ
เหมือนว่า “ส้มผสมกับน้ำเงิน” = วันตายทางจริยธรรม
ธรรมนัส : โง่หรือฉลาด?
การเลือกเดินกับรัฐบาล 4 เดือนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำ #พรรคกล้าธรรม ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเดิมพันที่เสี่ยง หลายคนมองว่าโง่ที่เลือกทางสั้น ๆ แต่บางมุมอาจถือว่าฉลาด เพราะได้อำนาจทันที แต่ก็สะท้อนว่าการคิดเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้ากลับลากประเทศเข้าสู่วงจรการเมืองเดิม
สนธิลิ้ม : ตัวแปรสำคัญ เกมนี้ยังไม่จบ หาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก้าวลงมาปลุกมวลชน เปิดแผลและตีแสกหน้าการฮั้วอำนาจ การเมืองจะไม่เดินได้อย่างราบรื่นแน่นอน
สำหรับแฟนคลับ ส.ท.ร. อาจมองว่าการยุบสภาเร็วคือโอกาสทองของ #พรรคเพื่อไทย แต่เสียงเตือนจากสังคมสะท้อนตรงกันว่า #อย่าไว้ใจเพื่อไทย#อย่าหลงเชื่อโทนี่ และอย่าถูกล่อลวงด้วยรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน
เพราะทั้งหมดคือบทเรียนการเมืองซ้ำเดิม ที่ถูกเคลือบด้วยคำหวานแต่ซ่อนยาพิษไว้ข้างใน